อาเซียนร้าวแม้ได้ข้อตกลงร่วมทางทะเลแก้ไขพิพาทจีนใต้
เอเอฟพี - ชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) วานนี้ (20 ก.ค.) ให้คำมั่นที่จะทำงานร่วมกันมุ่งสู่ "ระเบียบปฏิบัติ" (Code of conduct) ในทะเลจีนใต้ แต่กลับล้มเหลวที่จะแก้ไขรอยร้าวที่ขัดขวางการประชุมระดับภูมิภาคเมื่อ สัปดาห์ก่อน กัมพูชาที่ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนหมุนเวียนในปัจจุบันประกาศว่า ชาติสมาชิกอาเซียนได้เห็นชอบในหลักการทางทะเล 6 ประการ ที่ความตึงเครียดได้ปะทุขึ้นเมื่อไม่นานนี้กับเวียดนามและฟิลิปปินส์ที่ กล่าวหาถึงพฤติกรรมที่แข็งกร้าวขึ้นของปักกิ่ง คำแถลง ที่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นที่จะเคารพกฎหมายระหว่างประเทศและไม่ใช่กำลังในการ แก้ปัญหาความขัดแย้ง เป็นความพยายามที่จะขจัดความรู้สึกว่า กลุ่มอาเซียนแตกแยกกัน ด้านฟิลิปปินส์กล่าวว่ามีความยินดีกับผลสรุปที่ออกมา ความไม่ลงรอยในเหตุพิพาทดินแดนกับปักกิ่ง ทำให้อาเซียนไม่สามารถออกแถลงการณ์ร่วมกันตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังจบการ ประชุมได้เป็นครั้งแรกนับ ตั้งแต่ก่อตั้งอาเซียนมา 45 ปี สัญญาณของความไม่ลงรอยยังคงปรากฎ เมื่อนายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา แถลงข่าวในวันศุกร์ว่า หลักการ 6 ประการที่มีนั้นคล้ายกับสิ่งที่ถูกปฏิเสธโดยเวียดนามและฟิลิปปินส์เมื่อ สัปดาห์ก่อน และตำหนิสองประเทศสำหรับทางตันก่อนหน้านี้ "ทำไม 2 ชาติอาเซียนถึงคัดค้านอย่างหนักและในตอนนี้พวกเขากลับเห็นชอบ" นายฮอร์ นัมฮง กล่าว นักการทูตหลายคนได้กล่าวว่าจุดติดขัดสำคัญก่อนหน้านี้ คือการปฏิเสธของกัมพูชาที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดจีนที่จะกล่าวถึงความขัดแย้ง ทางทะเลในแถลงการณ์ร่วม ขณะที่ฟิลิปปินส์ต้องการให้อ้างอิงถึงเหตุประจันหน้ากับจีนที่แนวปะการังสกา ร์โบโรห์ ในทะเลจีนใต้ จีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำทั้งหมดที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และยังเป็นเส้นทางเดินเรือทางการค้าที่สำคัญ แต่ชาติสมาชิกอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ต่างอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ทับซ้อนในบริเวณดังกล่าวเช่นกัน ข้อตกลง 6 ประการ ที่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์อย่างเฉพาะเจาะจง มีขึ้นหลังความพยายามทางการทูตของนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ที่เดินทางเยือนฮานอยและมะนิลาเมื่อวันพุธ (18) ก่อนเยือนพนมเปญในเวลาต่อมา นายฮอร์ นัมฮง กล่าวว่า ผู้แทนทางการทูตได้เลือกเจรจากับเวียดนามและฟิลิปปินส์ เพราะสองประเทศนี้ทำให้เกิดปัญหาที่นำไปสู่ความล้มเหลวในการออกแถลงการณ์ ร่วมกัน.