ประท้วงดุทำญี่ปุ่น'ปิด'ธุรกิจในจีน แถมสื่อปักกิ่งฮึ่ม'อาจคว่ำบาตรศก.'
เอเจนซีส์ - บริษัทใหญ่แบรนด์เนมดังจำนวนมากของญี่ปุ่น ประกาศปิดโรงงานและสำนักงานในจีนชั่วคราว หลังกระแสต่อต้านแดนปลาดิบในกรณีพิพาทหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์/เซงกากุ ลุกลามทั่วแดนมังกร ทางด้านรัฐมนตรีกลาโหมอเมริกันแนะสองฝ่ายแก้ไขปัญหาโดยสันติ ขณะกระทรวงการต่างประเทศจีนรับปากจะปกป้องพลเมืองและทรัพย์สินญี่ปุ่น ทว่าพร้อมกันนี้สื่อกระบอกเสียงปักกิ่งยังคงออกมาขู่โตเกียวอาจประสบวิบาก กรรมอีก 20 ปี หากจีนคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ข้อพิพาทกรณีการอ้างอธิปไตยทับซ้อนกันเหนือหมู่เกาะเล็กๆ ในทะเลจีนตะวันออก ซึ่งมีชื่อว่าเซงกากุในภาษาญี่ปุ่น และเตี้ยวอี๋ว์ในภาษาจีน นำไปสู่การประท้วงรุนแรงในจีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำให้สัมพันธ์สองประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดของเอเชียคู่นี้ร้าวฉานหนัก การประท้วงที่ปะทุขึ้นในหลายเมืองของจีนตั้งแต่วันเสาร์ (15) ซึ่งบางแห่งลุกลามกลายเป็นความรุนแรงนั้น มีชนวนเหตุมาจากการที่รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจซื้อหมู่เกาะที่เป็นกรณีพิพาท ดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากผู้ครอบครองที่เป็นเอกชนชาวญี่ปุ่น ทั้งนี้เป้าหมายการประท้วงได้ลุกลามบานปลายจากสถานทูตและสถานกงสุล ญี่ปุ่น ไปสู่ร้านค้า ภัตตาคาร และโชว์รูมรถยนต์ของญี่ปุ่นตามเมืองต่างๆ โดยที่ โตโยต้ามอเตอร์ และฮอนด้ามอเตอร์ แถลงว่ากิจการของพวกตนหลายแห่งในเมืองชิงเต่า ซึ่งเป็นเมืองท่าทางภาคตะวันออกของจีน ถูกวางเพลิงได้รับความเสียหายหนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ขณะที่ โตโยต้า แถลงว่า โรงงานและสำนักงานของตนในจีนยังคงทำการเป็นปกติในวันจันทร์(17) อีกทั้งไม่มีแผนนำลูกจ้างพนักงานชาวญี่ปุ่นออกไปจากเมืองจีน ทางด้านฮอนด้ากลับแจ้งว่าจะหยุดการผลิตในแดนมังกรเป็นเวลา 2 วันตั้งแต่วันอังคาร(18) เช่นเดียวกับ มาสด้า มอเตอร์ ที่จะระงับการผลิตในโรงงานเมืองหนานจิง (นานกิง) เป็นเวลา 4 วัน นอกจากนั้น ฟาสต์ รีเทลลิ่ง กิจการค้าปลีกเครื่องแต่งกายรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย แถลงว่าได้ปิดร้าน “ยูนิโคล่” ของตนในจีนไปบางแห่งแล้ว และอาจจะปิดเพิ่มขึ้นอีก ส่วน เซเวน แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ บริษัทค้าปลีกทั่วไปรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แถลงว่า จะปิดซูเปอร์มาร์เก็ต “อิโตะ โยกาโด” 13 แห่ง และร้านสะดวกซื้อ “เซเวน-อีเลฟเวน” 198 แห่งในจีนในวันอังคาร สำหรับ พานาโซนิค กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่บอกว่า โรงงานในจีนแห่งหนึ่งของตนถูกคนงานจีนก่อวินาศกรรม และจะปิดต่อไปตลอดวันอังคาร ซึ่งเป็นวันครบรอบปีของเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองแมนจูเรียจากจีนในปี 1931 และเป็นวาระที่โตเกียวหวาดกลัวว่าจะเป็นชนวนกระตุ้นให้เกิดกระแสต่อต้าน ญี่ปุ่นปะทุขึ้นมาอีก ขณะที่ โซนี่ บอกกับพนักงานของตนว่าถ้าไม่จำเป็นก็อย่าเดินทางไปจีน ส่วน แคนนอน บริษัทด้านอิเล็กทรอนิกส์ชื่อดังอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น แจ้งว่าโรงงานที่ตั้งอยู่ในจีนของตน 3 ใน 4 แห่งจะปิดทำการในวันอังคาร นอกจากนั้นมีรายงานว่า สายการบิน ออล นิปปอน แอร์เวย์ส ก็ระบุว่ามีการยกเลิกเที่ยวบินจากจีนไปยังญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอีกหลายเที่ยว กระแสประท้วงครั้งนี้ยังสร้างความเสียหายให้แก่หุ้นของพวกบริษัทค้า ปลีกที่ไปจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เป็นต้นว่า อีออน สโตร์ (ฮ่องกง) บริษัทผู้ดำเนินการห้างสรรพสินค้า ราคาหุ้นในวันจันทร์ตกลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นออกคำเตือนพลเมืองเกี่ยวกับการประท้วงใหญ่ในจีนในวันอังคาร โรงเรียนญี่ปุ่นหลายแห่งทั่วจีนประกาศงดสอนตลอดสัปดาห์นี้ ทางด้าน เลียน เพเนตตา รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวที่กรุงโตเกียวเมื่อวันจันทร์ภายหลังหารือกับบุคคลสำคัญในคณะรัฐบาล ญี่ปุ่น โดยแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับกระแสการประท้วงและความขัดแย้งกรณีหมู่เกาะเซ งกากุ และเรียกร้องให้ทั้งจีนและญี่ปุ่นใช้สติและอดกลั้นในการแก้ไขข้อพิพาทด้วย แนวทางการทูตอย่างสร้างสรรค์บนหลักการที่ชัดเจนและกฎหมายระหว่างประเทศ เพเนตตาสำทับว่า สหรัฐฯยืนยันที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีในสนธิสัญญาความมั่นคงที่ทำไว้กับ ญี่ปุ่น ถึงแม้เขากล่าวย้ำว่า ในเชิงนโยบายแล้ว สหรัฐฯ จะไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในกรณีพิพาทนี้ เดิมทีนั้นกำหนดการเยือนเอเชียของเพเนตตามีจุดหมายเพียงแค่ที่กรุง ปักกิ่งและเมืองโอ๊คแลนด์ ในนิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์คาดว่า สาเหตุที่เขาต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางสืบเนื่องจากกรณีพิพาทจีน-ญี่ปุ่น ในส่วนของ โคอิชิโร เกมบะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวภายหลังหารือกับเพเนตตาว่า โตเกียวและวอชิงตันเห็นพ้องว่า กรณีพิพาทเรื่องหมู่เกาะนี้อยู่ใต้ความคุ้มครองของสนธิสัญญาความมั่นคง ระหว่างกัน ทั้งนี้สนธิสัญญาฉบับนี้มีหลักการว่าถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกฝ่ายที่สามรุกราน อีกฝ่ายหนึ่งจะเข้าช่วยเหลือ เกมบะยังเรียกร้องให้ปักกิ่งลดอุณหภมิความขัดแย้งลง และว่าจะเรียกร้องซ้ำให้รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการที่เหมาะสม “กระแสประท้วงญี่ปุ่นรุนแรงในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บางกรณีลุกลามกลายเป็นจลาจล เราเสียใจที่ธุรกิจญี่ปุ่นต้องได้รับความเสียหายรุนแรงแบบนี้” ทางด้านจีนนั้น หง เล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า ปักกิ่งจะปกป้องพลเมืองและทรัพย์สินของญี่ปุ่น พร้อมเรียกร้องผู้ประท้วงให้แสดงการต่อต้านอย่างเป็นระเบียบ เหมาะสม และอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่างไรก็ดี หง กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ข้างหน้านั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจแก้ไขสิ่งที่ถูกต้องของญี่ปุ่นเอง ในวันเดียวกัน หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า ที่เป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เผยแพร่บทวิจารณ์ซึ่งระบุถึงความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการคว่ำบาตรทาง เศรษฐกิจ “ท่ามกลางการต่อสู้เกี่ยวกับอธิปไตยเหนือดินแดน หากญี่ปุ่นยังคงยั่วยุ จีนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่จะต้องตอบโต้” จีนและญี่ปุ่นนั้นมีความสัมพันธ์ทางการค้าและธุรกิจใกล้ชิดกันมาก โดยมีมูลค่าการค้าระหว่างกันถึง 342,900 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ทว่า ความสัมพันธ์ทางการเมืองมักตึงเครียดบ่อยครั้งจากข้อพิพาทด้านดินแดนและความ ไม่พอใจของจีนจากความขัดแย้งและความโหดร้ายของกองทัพญี่ปุ่นในอดีต บทวิจารณ์สำทับว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นทรุดต่ำมาสองทศวรรษเต็มๆ และยังกำลังเผชิญผลพวงจากวิกฤตการเงินโลกตลอดจนผลตกค้างจากมหาภัยพิบัติใน แดนปลาดิบเมื่อปีที่แล้ว จึงถือว่าปราศจากภูมิคุ้มกันต่อมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของจีนโดยสิ้น เชิง อย่างไรก็ดี บทวิจารณ์ยอมรับว่า การคว่ำบาตรจะเป็นดาบสองคม โดยที่เศรษฐกิจจีนเองซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงชะลอตัว ก็จะเสียหายด้วย บทวิจารณ์แจงว่า เป้าหมายในการคว่ำบาตรที่อาจเป็นไปได้ ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิตและการเงินของญี่ปุ่น การส่งออกและการลงทุนในจีน และอาจรวมถึงการจำกัดการส่งออกวัตถุดิบทางยุทธศาสตร์ให้แก่ญี่ปุ่น เป็นต้นว่า แร่โลหะหายาก (แรร์เอิร์ธ) ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ไฮเทค เช่น ไอแพ็ดและไอโฟน “ญี่ปุ่นต้องการที่จะทรุดตัวต่อไปอีก 10 ปีและกระทั่งถอยหลังกลับไปอีก 20 ปีหรือไม่” เหรินหมินรึเป้าตั้งคำถามข่มขู่