เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 27 กันยายน ขณะที่ส.ต.อ.สราวุธ หมวกสันเที๊ย และ ส.ต.ท.รุ่งสว่าง วงศ์คำหาญ ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ออกตรวจในซอย ซี 12 ถนนบอร์นสตีท ใกล้กับสระน้ำ เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบนายม้อ ชาวลาว อายุ 20 ปี กำลังยืนอยู่ที่รถเข็น โดยมีท่าทางพิรุธ จึงเข้าไปสอบถาม สังเกตุเห็นว่ารถเข็นมีกุญแจคล้องอย่างแน่นหนา จึงค้นในตัวพบลูกกุญแจอยู่ในกระเป๋ากางเกงของนายม้อ จึงไขดูปรากฎว่าสามารถไขได้ พบกระเป๋า 2 ใบ ภายในพบยาบ้า 32 มัด จำนวน 200,000 เม็ด ซุกอยู่ในรถเข็นขายโรตี แต่นายม้อ ปฏิเสธ ว่ารถเข็นไม่ใช่ของตน ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่สายตรวจกำลังค้นมีรถปิคอัพรุ่นวีโก้ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขับพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่สายตรวจต้องวิ่งหลบเข้าที่กำบังข้างทางพร้อมชักอาวุธออกมา ก่อนที่คนในรถจะ
ไขกระจกลงมาพร้อมทั้งตะโกนบอกว่าพวกตนเป็นช่างซ่อมแอร์ หลังจากนั้นก็รีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่สายตรวจจึงวิทยุขอกำลังเพิ่มเพราะเกรงว่าแก๊งค้ายาจะย้อนมาชิงยา บ้าคืนไป
ต่อมา นายวิเชียร พุฒิวิญญู ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เดินทางมาตรวจสอบ และสอบสวน นายม้อ รับสารภาพว่า ไม่รู้ว่าภายในรถเข็นมียาซุกซ่อนอยู่ โดยมีคนมาจ้างให้ตนเข็นรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่บริเวณที่เจ้าหน้าที่มาพบ และให้นำโซ่มาคล้องติดกับต้นไม้ไว้ โดยได้ค่าจ้าง 3,000 บาท และให้ยืนเฝ้าดูจนกว่าจะมีคนมารับรถไป ขณะที่กำลังคล้องโซ่ติดกับต้นไม้ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาขอตรวจค้นและก็ พบยาบ้าดังกล่าวเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อสงสัยว่านายม้อ น่าจะเป็นแก๊งค้ายา จึงได้นำตัวนายม้อ ไปค้นที่ห้องพักย่านบางขุนเทียนซึ่งคาดว่าน่าจะมียาบ้าซุกซ่อนอยู่
ด้าน พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า ต้องขอชมเชยเจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งสองคนที่มีไหวพริบดีสังเกตเห็นว่าคนร้าย มีพิรุธ จึงขอตรวจค้นจนทำให้พบยาบ้าจำนวน 2000,000 เม็ด ซึ่งถ้าหลุดรอดไปได้จะมีมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท เบื้องต้นจะให้ทางชุดสืบสวนไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ว่ารถกระบะที่ วิ่งเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า นอกจากนี้ยังได้กำชับให้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ยึดได้จากนายม้อว่าได้มี การติดต่อกับผู้ใดบ้าง สงสัยว่าแก๊งค้ายาแก๊งนี้น่าจะเป็นแก๊งใหญ่และมีรูปแบบการส่งยาที่เปลี่ยน แปลงตลอดเวลา