ตำรวจจีนจะได้ประกาศิตล่องเรือตรวจตราทะเลพิพาทฯ
รอยเตอร์ส - สื่อรัฐบาลจีนเผย (29 พ.ย.) ตำรวจมณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) จะสามารถล่องเรือออกตรวจตราในน่านน้ำที่กำลังเป็นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ได้ หลายฝ่ายเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้น ทะเลจีนใต้เป็นจุดที่มีปัญหาทางการทหารใหญ่สุดในหมู่ประเทศเอเชีย ที่แย่งกันครอบครองทรัพยากรเหนือน่านน้ำฯ ไชน่าเดลีรายงานว่า การมอบประกาศิตให้ตำรวจตรวจตราทะเลฯ จะมีผลบังคับใช้ในวันขึ้นปีใหม่ปีหน้า โดยมีรายละเอียดว่า ตำรวจไห่หนานจะสามารถล่องเรือและควบคุมหรือจับกุมเรือต่างชาติที่ล่องเข้ามา อย่างผิดกฎหมายในน่านน้ำจีน พร้อมกับสามารถสั่งหยุดการเดินเรือต่าง ๆ ได้ ไชน่าเดลีฉบับภาษาอังกฤษรายงาน การล่องเรือเข้ามาในน่านน้ำของมณฑลไห่หนานโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือทำลายความมั่นคงชายฝั่ง หรือมีส่วนทำลายความมั่นคงของชาติทั้งปวงนั้น จัดว่าผิดกฎหมาย หากเรือต่างชาติหรือลูกเรือละเมิดกฎฯ ตำรวจไห่หนานมีสิทธิในการจับกุมเรือ ควบคุมระบบการติดต่อสื่อสารทั้งมวล ภายใต้อาณัติแห่งกฎหมายนี้ฯ การสยายปีกอธิปไตยเหนือน่านน้ำทางใต้และตะวันออกของแผ่นดินใหญ่ มีเป้าหมายประจัญหน้ากับเวียดนามและฟิลิปปินส์โดยตรง นอกจากสองชาตินี้แล้วยังมีบรูไน ไต้หวัน มาเลเซีย ที่ต่างก็อ้างสิทธิเหนือน่านน้ำเหล่านี้บางส่วนด้วย จีนจับกุมชาวประมงในบางครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประมงเวียดนาม จีนบอกว่าพวกนี้เข้ามาจับสัตว์น้ำอย่างผิดกฎหมายในน่านน้ำของจีน ทว่าต่อมาจีนก็ปล่อยตัวชาวประมงเหล่านี้ไปอย่างรวดเร็ว ไห่หนาน เกาะสวยคล้ายฮาวายหรือบาหลี มีรีสอร์ทงามชายหาดสวย เป็นมณฑลที่รับผิดชอบเรื่องการขยายการปกครองของรัฐบาลจีนทางทะเล หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีเผยว่า รัฐบาลจะได้ส่งเรือลาดตระเวณทางทะเลลงไปร่วมกองตำรวจในการตรวจตราในทะเลจีน ใต้ด้วย ทั้งนี้น่านน้ำดังกล่าวเชื่อว่ารุ่มรวยไปด้วยทรัพยากรมหาศาลและเป็นช่องทาง เดินเรือของเรือเดินสมุทรระหว่างเอเชียตะวันออก ยุโรปและตะวันออกกลางด้วย หลายฝ่ายเริ่มออกมาเรียกร้องสิทธิ์ของตนเหนือน่านน้ำมากขึ้น เมื่อสหรัฐเพ่งความสนใจมาสู่เอเชีย ต่างก็คาดกันว่าสหรัฐฯจะผนึกกำลังกับเวียดนามและฟิลิปปินส์สกัดอิทธิพลของ จีน จีนแสดงความโกรธเกรี้ยวฟิลิปปินส์กับเวียดนามด้วยการออกหนังสือเดิน ทางใหม่ ในนั้นระบุแผนที่ว่าน่านน้ำที่พิพาทเป็นของจีนทั้งหมด
"สุรินทร์" เลขาฯอาเซียน เตือน จีนกำลังเพิ่มเชื้อไฟแห่งความขัดแย้งในภูมิภาค จากปัญหาทะเลจีนใต้
รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กล่าวที่กรุงจาการ์ตา ของอินโดนีเซียในวันศุกร์ (30)ระบุแผนการของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จะส่งเจ้าหน้าที่บุกขึ้นเรือและทำ การตรวจค้นเรือทุกลำ ที่แล่นเข้าสู่น่านน้ำบริเวณหมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นเขตอธิปไตยของตนนั้น จะยิ่งเป็นการโหมกระพือเชื้อไฟแห่งความขัดแย้งและเพิ่มความตึงเครียดใน ภูมิภาค เลขาธิการอาเซียนชาวไทย วัย 63 ปีซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ 1 มกราคม ปี 2008 ระบุว่า การที่รัฐบาลจีนเตรียมนำมาตรการดังกล่าวมาใช้กับเรือของต่างชาติ ที่จีนมองว่ารุกล้ำอธิปไตยของตนนั้น จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างบรรดาประเทศที่อ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะพิพาท ต่างๆในทะเลจีนใต้ทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดร.สุรินทร์ซึ่งจะหมดวาระในสิ้นปี 2012 นี้ ย้ำถึงประเด็นความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ว่า ถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ที่จะต้องมีการแสดงออกถึงการยับยั้งชั่งใจและความพยายามในการแก้ปัญหาด้วย ความรอบคอบ พร้อมทั้ง เปิดใจรับฟังความวิตกกังวลของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในทุกๆด้าน ทั้งนี้ ทะเลจีนใต้กลายเป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้ง ที่สุ่มเสี่ยงจะก่อให้เกิดการใช้กำลังกระทบกระทั่งกันมากที่สุดของเอเชียใน ขณะนี้ หลังจากที่จีน ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน เวียดนาม บรูไน และมาเลเซียต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะพิพาทหลายแห่งในน่านน้ำแถบนี้ ซึ่งเชื่อว่าอุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาล **เตือนทะเลจีนใต้จะเป็น “ปาเลสไตน์” ของเอเชีย** ก่อนหน้านี้ ดร.สุรินทร์ก็ได้ให้สัมภาษณ์ไฟแนนเชียลไทมส์ หนังสือพิมพ์แนวธุรกิจการเงินอันทรงอิทธิพลของอังกฤษ ซึ่งนำมาตีพิมพ์ไว้ในฉบับวันพุธ(28พ.ย.) โดยที่เลขาธิการอาเซียนผู้กำลังจะพ้นตำแหน่งผู้นี้ ได้กล่าวเตือนว่า มีความเสี่ยงอยู่มากที่กรณีพิพาทในทะเลจีนใต้จะกลายเป็น “ปาเลสไตน์” ของเอเชีย ซึงสถานการณ์มีแต่เลวร้ายลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นความขัดแย้งรุนแรง ที่ทำลายเสถียรภาพของทั่วทั้งภูมิภาค ดร.สุรินทร์กล่าวกับ ไฟแนนเชียลไทมส์ ว่า เอเชียกำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุคที่ “พิพาททะเลาะกันมากที่สุด” ในรอบหลายๆ ปี จากการที่จีนกำลังก้าวผงาดขึ้นมา และยืนยันอ้างสิทธิเหนือดินแดนแทบจะทั้งหมดของเขตทะเลจีนใต้ “เราจะต้องระวังใส่ใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า ทะเลจีนใต้สามารถที่จะวิวัฒนาการกลายเป็นปาเลสไตน์อีกแห่งหนึ่งได้เลยที เดียว” ถ้าหากประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ใช้ความพยายามให้มากขึ้นเพื่อบรรเทาคลี่คลายความตึงเครียด แทนที่จะไปโหมกระพือให้ร้อนระอุ เลขาธิการอาเซียนกล่าวเตือน ดร.สุรินทร์ให้ความเห็นด้วยว่า การที่สถานการณ์ในทะเลจีนใต้กำลังเลวร้ายลงนั้น ที่สำคัญแล้วเป็นผลมาจาก “พลวัตภายในของจีน” ทั้งนี้การที่ปักกิ่งกำลังให้ความสำคัญเน้นหนักกับเรื่องอธิปไตยและดินแดน ของตน ก็เนื่องมาจากมีการเปลี่ยนถ่ายคณะผู้นำเมื่อเร็วๆ นี้ ขณะที่ประเทศก็มีความมั่งคั่งมากขึ้น ในเวลาเดียวกันก็มีความรู้สึกว่าตนยังคงอยู่ในกระบวนการแห่งการสร้างประเทศ เลขาธิการอาเซียนผู้นี้บอกว่า หนทางที่ให้ความหวังมากที่สุดในการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งก็คือ อาเซียนและจีนควรต้องเห็นพ้องต้องกันเกี่ยวกับข้อตกลงแนวปฏิบัติ (code of conduct) ที่มีผลผูกพันให้ต้องทำตาม ซึ่งจะเหนี่ยวรั้งประเทศต่างๆ ไม่ให้ใช้ความพยายามเข้าไปยึดครองหมู่เกาะเล็กเกาะน้อย, แหล่งน้ำมันและก๊าซ, ตลอดจนพื้นที่ทำประมง เพื่อสนับสนุนการประกาศอ้างอธิปไตยเหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ของพวกตน
ກູ້ມປະເທດ ອາຊ້ຽນ ທັງຫລາຍຖຶກຈີນ ຄຸມອຳນາຕໄວ້ໝົດ ສົມນ້ຳໝ່າ.............55555555