รวบ 2 สาวชาวลาวเครือข่ายนักค้ายาบ้า ยึดของกลาง 20,000 เม็ด
วันนี้ (31 มี.ค.) พ.ต.อ.สุรินทร์ ชัยชมพู พร้อมด้วย พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.ท.กลกร รวบรวม สว.ส.ทล.3 กก.4 และตำรวจชุสืบสวนสอบสวน ภ.จว. ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนางปิดตา แก้วมณีวงศ์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 306 หมู่ 02 บ้านดงยาง เมืองหนองบก แขวงคำม่วน ประเทศลาว ถือหนังสือเดินทางของลาว เลขที่ พี.1115631 และนางลาวซ้อน พมมะจัก อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 หมู่ 06 บ้านดงกะสิน เมืองหนองบก แขวงจำปาม่วน ประเทศลาว ถือหนังสือเดินทางของลาว เลขที่ พี.1023065 พร้อมของกลางยาบ้า 20,000 เม็ด ข้อหาว่า ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ จากการสืบของสายข่าวว่าจะมีหญิงชาวลาว 2 คนเดินทางด้วยรถโดยสารสายอุดรธานี-นครราชสีมา นำยาบ้ามาส่งให้กับพ่อค้าใน จ.อุดรธานี และ จ.ขอนแก่น จึงได้วางกำลังเพื่อทำการจับกุม จนเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 30 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนางปิดตาได้ที่ทางแยกเข้าบ้านคำกลิ้ง ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมยาบ้า 4,000 เม็ด นำตัวมาสอบสวนปากคำที่ บก.ภ.จว. นางปิดตารับสารภาพว่า รับจ้างจากนายโน ไม่ทราบนามสกุล ให้ไปรับยาบ้าที่ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แล้วนำมาส่งให้ลูกค้าใน จ.อุดรธานี ซึ่งตนได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยพร้อมกับนางลาวซ้อน พี่สาวของสามี แล้วแยกกันนำยาบ้าไปส่งให้ลูกค้า โดยนางลาวซ้อนเดินทางไปส่งยาบ้าในจ.ขอนแก่น ซึ่งตนรับจ้างมาในราคา 80,000 บาท ไปส่งตามจุดหมายตามคำสั่งว่าเป็นที่ใด และตอนรับของจากนายโนก็ไม่เคยเห็นหน้านายโน เพราะไปรับตามจุดที่ได้รับคำสั่ง และไปส่งตามจุดนัดหมายเท่านั้น ซึ่งขณะนี้ตนและพี่สามีก็ยังไม่ได้รับเงินเลย และที่ทำลงไปเพราะต้องการนำเงินไปสร้างบ้านอยู่ จากนั้นตำรวจจึงวิทยุประสานงานกับตำรวจทางหลวง ให้สกัดจับนางลาวซ้อนตามรูปพรรณสัณฐาน และรถโดยสาร บขส.ปรับอากาศชั้น 2 หมายเลขข้างรถ 211-9 ตามที่นางปิดตาแจ้งให้ตำรวจทราบ ต่อมาที่ตำรวจทางหลวงบ้านห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี เรียกตรวจค้นรถ บขส.หมายเลขข้างรถ 211-9 ขณะที่จะไปส่งผู้โดยสารที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งตรวจสอบพบผู้ต้องสงสัยนั่งอยู่ข้างคนขับ มีอาการพิรุธ และจากการตรวจค้นไม่พบสิ่งกฎหมาย แต่ได้ควบคุมตัวกลับไป บก.ภ.จว.อุดรธานี ให้ตำรวจหญิงค้นตัวและกระเป๋าเดินทาง พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในห่อพลาสติก บรรจุอยู่ในกระเป๋าเดินทาง 16,000 เม็ด พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี กล่าวว่า ทั้ง 2 คนเป็นเพียงคนส่งยาตามคำสั่งเท่านั้น ซึ่งจากการสอบปากคำก็ไม่รู้ว่าใครเป็นตัวการใหญ่ เพราะขบวนการสั่งการออกมาจากเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น