วันนี้ (5 เม.ย.) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ที่ปรึกษา(สบ10) สั่งการให้ พล.ต.ต.ชวลิต แสวงพืช ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ปัญญา ปิ่นสุข รองผบก.ปคม. พ.ต.ท.อัศวิน หวังสู้ศึก รองผกก.1 บก.ปคม. ประสานงานกับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ นุชบุษบา สวป.สน.บางขุนเทียน นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เลขที่ 93/2556 ลงวันที่ 5 เม.ย. เข้าตรวจค้นโรงงาน ที่.พี.เอ็น.อุตสาหกรรม เลขที่ 26/729 ซอยเอกชัย69/3 แขวงและเขตบางบอน หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีสถานที่ดังกล่าวเป็นโรงงานนรกกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกายคนงานต่างด้าว พบเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ทำประตูเหล็กสีฟ้าปิดมิดชิด มีป้ายติดด้านหน้าระบุชื่อ ร.อ.ธิติพัฒน์ และมีเครื่องหมายทหารติดทั่วบริเวณหน้าอาคาร ตรวจสอบภายในบริเวณชั้น 1 เป็นโรงงานปั๊มซีลตู้ปลา พบคนงานหญิงสาวชาวลาว 2 คน อายุ 15 ปี และ17 ปี หญิงสาวชาวพม่า อายุ 18 ปี อีก 1 คน กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดทำงาน และขึ้นไปจับกุมนายธิติพัฒน์ หรือ ผู้กองเปิ้ล หรือ สารวัตรเปิ้ล นิธิเสถียร อายุ 41 ปี บนชั้นลอยที่เปิดเป็นออฟฟิศของโรงงาน
จากการตรวจค้นในห้องพบอาวุธปืนขนาด 11 มม.พร้อมกระสุน 7 นัด แม็กกาซีนปืน 3 อัน ปืนสั้นบีบีกันส์ 1 กระบอก เสื้อนายทหารติดยศร้อยเอก 3 ตัว และติดยศพันโทอีก 1 ตัว กุญแจมือ 2 อัน บัตรนายทหารปลอมระบุชื่อ ร.อ.ธิติพัฒน์ นิธิเสถียร หัวหน้าหน่วยรบพิเศษ จปร.ชุดที่2 จำนวน 3 ใบ เครื่องช๊อตไฟฟ้า 1 อัน ซองปืน2 อัน โซ่ 1 เส้น พร้อมรถยนต์เบนซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน อพส 643 กรุงเทพมหานคร รถยนต์วอลโว่ สีทอง ทะเบียน 3อ8321 กรุงเทพมหานคร รถจยย.ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ สีดำ ทะเบียน ณฉ 1920 กรุงเทพมหานคร ทั้ง 3 คันติดตราสัญลักษณ์ทบ.ไว้จำนวนมาก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน บริเวณชั้นที่ 2 พบว่าเป็นห้องพัก 2 ห้อง และห้องครัว บริเวณชั้น 3 ใช้เป็นห้องพักคนงานทั้ง 3 ห้อง และเป็นที่ผลิตผ้าก๊อตพันแผล ส่วนบริเวณชั้น 4 เป็นห้องพักคนงานอีก 2 ห้อง และห้องผลิตและเก็บผ้าก๊อตอีก 1 ห้อง นอกจากนี้บริเวณผนังในห้องเก็บของยังพบรอยกระสุนปืนอีกหลายนัด และมีโซ่ที่ใช้สำหรับล่ามคนงานผูกติดอยู่กับจักรเย็บผ้าอีกด้วย
พ.ต.ท.อัศวิน เผยว่า สืบเนื่องจากทางปคม.ได้รับการประสานงานจากรายการโทรทัศน์ ว่ามีหญิงสาวหนีออกมาจากโรงงานดังกล่าว โดยเล่าให้ฟังว่าถูกเจ้าของบังคับให้ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ถ้าใครไม่ทำงานและทำอะไรผิดก็จะถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุน และถูกใส่กุญแจมือ เอาโซ่ล่ามติดไว้กับจักรเย็บผ้า และยังบังคับให้คนงานชายชาวพม่าข่มขืนคนงานหญิงชาวลาว เพื่อไม่ให้คิดหลบหนีอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเพื่อนที่ถูกกักอยู่ด้านในอีก3คน เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าสังเกตการณ์มาระยะหนึ่ง กระทั่งขออำนาจศาลออกหมายค้นเพื่อเข้าตรวจสอบ และจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ดังกล่าว นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า เมื่อกลางปี2555 นายธิติพัฒน์ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงแขนตัวเองภายในบ้าน เนื่องจากภรรยาหนีออกไปจากบ้านหลายวัน ทำให้เกิดความเครียด แต่ก็ไม่ได้เป็นคดีความแต่อย่างใด
สอบสวนนายธิติพัฒน์ ให้การอ้างว่า เรียนจบแค่ม.3 ใฝ่ฝันอยากจะเป็นนายทหาร แต่ที่บ้านเป็นคนเชื้อสายจีนต้องการให้ออกจากโรงเรียนมาค้าขาย ทำธุรกิจต่อจากครอบครัว จึงได้ไปซื้อเครื่องแบบทหาร และทำบัตรทหารปลอมมาเก็บไว้ ไม่ได้มีเจตนาเอาไปใช้แอบอ้าง ปืนก็ซื้อต่อจากเพื่อนมายังไม่ได้โอน ส่วนรอยกระสุนที่พบบนกำแพงห้องชั้น 4นั้น เกิดจากการซ้อมยิงปืน เนื่องจากไม่กล้ายิงขึ้นฟ้า เพราะกลัวจะเกิดอันตรายตกใส่ศีรษะคนอื่น และจะยิงในเวลากลางวันขณะที่คนละแวกบ้านไปทำงานกันหมด
"คนงานที่ถูกทำร้ายนั่นเป็นเพราะชอบขโมยเงินของภรรยาเป็นประจำ และทำงานผิดพลาดจนทำให้ธุรกิจเสียหาย ส่วนที่ต้องล่ามโซ่ข้อเท้าก็เพราะเกรงว่าคนงานจะคิดสั้นกระโดดตึกตาย อีกทั้งผมมักจะขู่ด้วยการซ้อมยิงปืนใส่กำแพงให้เห็นเป็นประจำเพื่อให้เกิดความกลัว ค่าแรงก็ให้วันละ 300บาท เท่าค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ได้เอาเปรียบคนงานแต่อย่างใด"นายธิติพัฒน์กล่าว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาค้ามนุษย์โดยการกักขังหน่วงเหนี่ยว ให้ที่พักพิงคนต่างด้าว ครอบครองอาวุธปืนผิดมือไว้ในครอบครอง กระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงาน ใช้ยศโดยไม่มีสิทธิ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม ก่อนจะนำตัวส่งปคม.ดำเนินคดีต่อไป
ໄທຄືສິເປັນເຈົ້າກຳນາຍເວນຂອງຄົນລາວ ພວກມັນພ້ອມຈະທາລຸນຄົນລາວທຸກເມືອ ເມືອມັນມີໂອກາດ