ลาวปล่อย 8 คนไทย ล้ำแดนล่าสัตว์หลังขังนาน 6 เดือน ปรับคนละ 3 หมื่น
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ด่านสากลไทย-ลาว ช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ญาติพี่น้องได้มารอรับตัว 8 คนไทยชาวอำเภอน้ำยืน และอำเภอนาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ซึ่งถูกทางการลาวจับตัวเมื่อเช้าวันที่ 7 ต.ค.2555 หลังเดินเท้าเข้าไปเก็บของป่าบนเทือกเขาพนมดงรักบริเวณรอยต่อสองประเทศใกล้ เมืองมุนละป่าโมก แขวงจำปาสัก
โดยวันเกิดเหตุทหารลาวเข้าจับตัวนายบุญโฮม บัวหอม อายุ 48 ปี นายเปิง โคสี อายุ 43 ปี นายรัน โคสี อายุ 41 ปี นายอุดม กลางจันทา อายุ 39 ปี นายวุฒิเกียรติ เครือคำ อายุ 22 ปี นายวีระศักดิ์ บุประเสริฐ อายุ 20 ปี
ส่วนนายแสง ชนะชาญ อายุ 31 ปี สามารถหลบหนีมาได้ เพราะเดินออกจากกลุ่มไปหาของป่าก่อนที่คนอื่นจะตื่น ทั้งหมดเป็นราษฎรบ้านหนองบัวพัฒนา หมู่ 14 ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
หลังทหารจับกุมตัวคนไทยทั้ง 6 คน ได้นำตัวไปคุมไว้ที่เมืองมุนละป่าโมก แขวงจำปาสัก ประเทศลาว โดยตั้งข้อหาล่วงล้ำดินแดนและเข้าไปล่าสัตว์หวงห้าม พร้อมส่งตัวมาคุมขังไว้ที่คุกบังเยาะ เมืองปากเซ ตามคำตัดสินของศาลแขวงจำปาสัก และถูกคุมขังอยู่นานรวม 6 เดือน
เมื่อครบกำหนดการลงโทษ ศาลเมืองปากเซ จึงสั่งปล่อยตัวคนทั้ง 6 ออกมาพร้อมกับคนไทยอีก 2 คน คือ นายนา พรมพิลา อายุ 45 ปี และนายสมบูรณ์ แผงโกษฐ์ อายุ 48 ปี ชาวบ้านแก้งเรือง อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ซึ่งถูกจับในวันถัดมาในข้อเดียวกัน และคนทั้ง 8 ต้องเสียค่าปรับเป็นค่าเลี้ยงดูระหว่างการคุมขังให้ทางการลาวคนละ 30,000 บาท
นายสีนวล แก้วโกมิน หน.ด่านวังเตา เมืองโพนทอง แขวงจำปาสัก ซึ่งเป็นประธานปล่อยตัวฝ่ายลาวระบุว่า การควบคุมคนไทยทั้ง 8 เป็นไปตามกฏหมายลาว และไม่ได้ตั้งข้อหารุนแรง เนื่องจากเป็นบ้านพี่เมืองน้อง รวมทั้งรีบทำเรื่องปล่อยตัวเนื่องจากเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยและลาวด้วย
หลังทางการลาวปล่อยตัว พ.ต.ท.อนุสรณ์ นุชนนท์ สว.ด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องเม็ก และนายไพศาล ประโพธิเดช รักษาการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุบลราชธานี นำตัวคนไทยมาสอบสวนตามกระบวนการก่อนมอบให้ญาติคนไทยทั้ง 8 รับตัวกลับบ้านในวันเดียวกัน
สำหรับปัญหาการล้ำแดนที่เกิดขึ้น เพราะจุดดังกล่าวยังไม่มีการปักปันเขตแดนระหว่างสองประเทศอย่างเป็นทางการ จึงมีคนไทยและลาวที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนตามเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งลักลอบเข้าไปตัดไม้พะยูง หรือหาของป่าถูกทางการทั้งสองประเทศจับเป็นประจำ จึงขอเตือนประชาชนอย่าเข้าไปใกล้รอยต่อของสองประเทศ หากไม่มั่นใจอาจถูกจับกุมดำเนินคดีได้ดังกล่าว