กำเนิดเกาหลีเหนือ “รัฐปีศาจ”!?! ผู้นำตระกูลคิม-ผลผลิตโซเวียต
ยิ่งเมื่อทศวรรษ 1980 ผ่านพ้นไปด้วยการล่มสลายของสหภาพโซเวียตด้วยแล้ว การที่เปียงยางสูญเสียความช่วยเหลือจากโซเวียตไปเช่นนี้ถือเป็นความเสียหาย อันหนักหน่วงทีเดียว ครั้นแล้วจีนยังไปให้การรับรองเกาหลีใต้ในปี 1992 เกาหลีเหนือจึงยิ่งรู้สึกว่าตนเองถูกทรยศหักหลังและอยู่ในภาวะถูกโดดเดี่ยว มากขึ้นทุกที พอล เฟรนช์ ผู้เชี่ยวชาญและผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ ชี้ว่าตั้งแต่ที่ค่ายสหภาพโซเวียตล้มหายตายจากไป เศรษฐกิจของโสมแดงก็ดำดิ่งแบบยั้งไม่อยู่ “เศรษฐกิจ (ของเกาหลีเหนือ) เพลี่ยงพล้ำล้มเหลว อุตสาหกรรมสั่นสะท้านโงนเงนเข้าสู่ภาวะชะงักงัน ตลาดส่งออกในกลุ่มยุโรปตะวันออกพังครืนไปหมด” เฟรนช์แจกแจง “เกษตรกรรมของเกาหลีเหนือก็ล่มสลาย และประเทศก็เคลื่อนเข้าสู่ภาวะอดอยากขาดแคลนอาหารในช่วงกลางทศวรรษ 1990” เอเวอราร์ด อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษสำทับว่า โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือซึ่งอาจจะเริ่มต้นขึ้นมาในช่วงทศวรรษ 1960 แล้ว ทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในภาวะเช่นนี้ เพราะเมื่อนานาชาติหันหลังให้ ผู้นำเปียงยางจึงมองว่า โครงการนี้จะสามารถใช้เป็นเครื่องรับประกันให้ตนเองดำรงคงอยู่ในฐานะเป็นรัฐ อิสระต่อไปได้ เฟรนช์กล่าวเสริมว่า คิม อิลซุง “ผู้นำที่ยิ่งใหญ่” ติดตามด้วยบุตรชาย คิม จองอิล “ผู้นำที่เป็นที่รัก” และหลานชาย คิม จองอึน "ผู้นำสูงสุด” ล้วนใช้ไม้ตายเดียวกัน นั่นคือ ใช้โครงการนิวเคลียร์เป็นเครื่องมือต่อรองกับนานาชาติ ทว่า โครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือก็กลายเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้เกิดความตึง เครียดกับฝ่ายตะวันตก ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับอเมริกาและเกาหลีใต้ ใกล้จุดแตกหักหลายต่อหลายครั้ง ตัวอย่างเช่นในปี 1994 คณะรัฐบาลของประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน เกือบเปิดศึกกับเปียงยางอยู่รอมร่อแล้ว เนื่องจากฝ่ายหลังละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศเรื่องการตรวจสอบโครงการ นิวเคลียร์ ในปี 2002 สถานการณ์ระอุขึ้นอีกหน เมื่อเกาหลีเหนือสั่งขับคณะผู้ตรวจสอบนิวเคลียร์นานาชาติ ท่ามกลางข้อกังวลซึ่งได้รับการยืนยันในภายหลังว่า เปียงยางกำลังซุ่มพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เฟรนช์บอกว่า สงครามเกาหลียังไม่ได้ยุติลงอย่างแท้จริง ความเป็นปฏิปักษ์กันยังคงอยู่ อย่างน้อยในสายตาเปียงยาง ขณะที่โซลสามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในทางเศรษฐกิจและกลายเป็น ชาติประชาธิปไตยที่มั่งคั่งรุ่งเรือง “เกาเหลีเหนือกลับเหมือนยังคงตรึงแน่นอยู่ที่เก่านับตั้งแต่กลาง ทศวรรษ 1950 เป็นต้นมา และพยายามพร่ำพรรณาว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อ เพียงแต่ว่าในเวลานี้ด้วยสมรรถนะทางด้านนิวเคลียร์ จึงหมายความว่าทุกๆ ประเทศต่างต้องให้ความสนใจ” ผู้เชี่ยวชาญรายนี้สรุป