เวียดนามแก้ รธน.กลับไปเป็น "สาธารณรัฐประชาธิปไตย" เช่น 30 ปีก่อน
อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ อ่านคำประกาศเอกราชจากฝรั่งเศสต่อหน้าฝูงชนนับแสนๆ ที่ไปรวมตัวกันบริเวณจัตุรัสบาดี่ง กรุงฮานอย วันที่ 2 ก.ย.2498 พร้อมประกาศการก่อตั้งประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม (The Democratic Republic of Vietnam) และใช้ชื่อนี้ต่อมาอีก 25 ปีก่อนเปลี่ยนเป็นชื่อ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam) วันนี้กำลังดำเนินการเพื่อกลับไปใช้ชื่อเดิมเช่นแรกก่อตั้งประเทศ 58 ปีที่แล้ว.
- เวียดนามกำลังอยู่ระหว่างการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2535 ในหลายมาตราโดยมีเป้าหมายเพิ่มสิทธิประชาธิปไตยให้แก่ประชาชน สัปดาห์ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการร่างรัฐบัญญัติแก้ไขฯ ได้เพิ่มการเปลี่ยนชื่อประเทศเข้าไปด้วย ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ "สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม" (The Socialist Republic of Vietnam) ก็จะเปลี่ยนไปเป็น "สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม" เหมือนแรกก่อตั้ง 58 ปีที่แล้ว คณะกรรมาธิการร่างรัฐบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญกล่าวว่า การสำรวจประชามติรวมทั้งความเห็นของสื่อต่างๆ ส่วนใหญ่ต้องการให้เวียดนามกลับไปใช้ชื่อเมื่อครั้งประธานาธิบดีโฮจิมินห์ อ่านคำประกาศเอกราช วันที่ 2 ก.ย.2498 ณ จัตุรัสบาดี่ง กรุงฮานอย ชื่อ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม" ใช้ต่อมาอีกเป็นเวลา 25 ปีก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลง ชื่อเดิมของประเทศยังได้รับการยืนยันในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ. 2489, 2502 ก่อนเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันในรัฐธรรมนูญปี 2523 และใช้ต่อมาอีกในรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2535 จนถึงวันนี้รวมเป็นเวลา 32 ปี กับ 6 เดือน นักวิชาการเวียดนามส่วนใหญ่มีความเห็นร่วมกันอยากจะให้เปลี่ยนชื่อ ประเทศเป็น The Democratic Republic of Vietnam โดยถกเถียงเรื่องนี้มาเป็นเวลากว่า 10 ปี หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์เปลี่ยนนโยบายหันมาใช้ระบบเศรษฐกิจแบบตลาด (Market Economy) แทนเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม (Socialist Economy) โดยให้เหตุผลว่า เพื่อลด "ความเป็นสีแดง" ลง นักวิชาการและนักหนังสือพิมพ์ในนครโฮจินห์กล่าวว่า การใช้ชื่อ "ประชาธิปไตย" แทนชื่อ "สังคมนิยม" จะช่วยให้เวียดนามมีปฏิสัมพันธ์กับประชาคมโลกได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาประเทศเสรีนิยมตะวันตกซึ่งเป็นแหล่งทุนกับแหล่ง เทคโนโลยีที่สำคัญ การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2535 ยังรวมถึงการเพิ่มอำนาจแก่รัฐสภาในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล การลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง รวมทั้งนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาลทั้งคณะ แม้ว่ารัฐสภาที่มารจากการเลือกตั้งทั่วไป จะไม่มีอำนาจในการถอดถอนรัฐบาลก็ตาม แต่การให้อำนาจลงมติไม่ไว้วางใจนับเป็นความเคลื่อนไหวที่หาได้ยากในประเทศ ที่ปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์เพียงพรรคเดียว.
ຫວຽດນາມກຳລັງປ່ຽນເຂັມທິດເພື່ອຈະນຳປະເທດຂອງເຂົາອອກຈາກ
ການປົກຄອງອບບລັດທິ ຄັອມ ມາເປັນ ເສລີປະຊາທິປະໄຕ ຄັນຊັ້ນ
ເຂົາບໍ່ຜູກມິດກັບອາເມຣິກາດອກ. ຍັງແຕ່ລູກແຫຼ້ງຕີນມືຊັ້ນຍຈຳ
ຂອງເຂົາກໍຄື ສປປລ ນັ້ນແລ້ວທີ່ຍັງຫູໜວກຕາບອດຢູ່ ບໍ່ຮູ້ຮອດວ່າ
ລູກພີ່ກຳລັງເຮັດຫຍັງ? ເອົາໂລດເດີ້ເຊີນເປັນເຕົ່າລ້ານປີໄປໂລດ.
ວຽດນາມຫົວແຫຼມຖອດຖອນບົດຮຽນຈາກຜູ່ນໍາລາວໄດ້ໄວ, ສັນຣະເສີນເດີ !
Anonymous wrote:ວຽດນາມຫົວແຫຼມຖອດຖອນບົດຮຽນຈາກຜູ່ນໍາລາວໄດ້ໄວ, ສັນຣະເສີນເດີ !
5555 ****er you
ແມ່ນໃຜເວົ້າຫຍັງຫວະ ...ປຸ້ນທ້ອງປວດຮາກ....