รายได้อันดับหนึ่งของลาวมาจากเหมืองแร่ อันดับสองเป็นเรื่องการท่องเที่ยว อันดับสามคือเรื่องของพลังงานไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลกำลังพยายามผลักดันให้รายได้จากด้านพลังงานไฟฟ้าขึ้นมาเป็นอันดับ หนึ่ง โดยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าจากน้ำ” นายสาลี พิมพินิด อธิบดีกรมโฆษณาและการท่องเที่ยว กระทรวงแถลงข่าว วัฒนธรรมและท่องเที่ยว สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระบุ
แม้การท่องเที่ยวของลาวซึ่งเป็นรายได้อันดับสองของประเทศ เมื่อเทียบกับไทยแล้วยังห่างอีกหลายขุม ทว่าเมืองหลวงอย่างนครเวียงจันทน์ก็กำลังพลิกโฉมหน้าไปสู่เมืองเศรษฐกิจและ การค้า โดยมีโครงการชอปปิงคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ของนักลงทุนจากจีนหลายแห่งกำลังอยู่ ระหว่างการเริ่มดำเนินการก่อสร้าง นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การพัฒนาทางด้านพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ
สำหรับการท่องเที่ยวนั้น อธิบดีกรมโฆษณาและการท่องเที่ยว ระบุว่า รัฐบาลเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นจุดเด่นของลาว โดยมีเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างหลวงพระบาง ปากเซ เวียงจันทน์ และสะหวันนะเขต โดยมีการพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยงระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งห้า เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคซึ่งเป็นตลาดหลักของลาว
ปัจจุบันลาวมีด่านพรมแดนสากลที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่ทั้งหมด 23 แห่ง แบ่งเป็นด่านทางบก 19 ด่าน ทางอากาศ 4 ด่าน โดยมีด่านสากล 21 แห่งที่นักท่องเที่ยวสามารถทำวีซ่าได้ทันที ณ จุดผ่านแดน ขณะที่สนามบินวัดไตของเวียงจันทน์นั้นมีการปรับปรุงขยายรันเวย์เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ของสายการบินต่างประเทศที่เริ่มมีการเพิ่ม เส้นทางบินมายังเวียงจันทน์มากขึ้น ทั้งจากเวียดนาม จีน มาเลเซีย
“การท่องเที่ยวของลาวมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตราร้อยละ 20-21 โดยร้อยละ 70 เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากอาเซียนเอง ส่วนใหญ่เป็นคนไทยประมาณร้อยละ 50 รองลงมาคือเวียดนามและจีน นักท่องเที่ยวจากทางไกลมีแค่ร้อยละ 30 โดยมีชาวยุโรปโดยเฉพาะฝรั่งเศสเดินทางมามากที่สุด รองลงมาคืออังกฤษ เยอรมนี สหรัฐ แคนาดา นอกจากนี้ในแถบเอเชียแปซิฟิกอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน”
ปัจจุบันลาวมีจำนวนประชากรทั่วประเทศราว 6 ล้านคน ขณะที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อปี ค.ศ. 2012 อยู่ที่ 3.3 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวระยะใกล้มีอัตราการใช้จ่ายต่อวันต่อคนอยู่ที่ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่นักท่องเที่ยวทางไกลมีอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อวันต่อคนอยู่ที่ 100-120 ดอลลาร์สหรัฐ รัฐบาลลาวจึงมีนโยบายที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มนักท่องเที่ยวทางไกล เพิ่มขึ้น เพราะนอกจากจะมีการใช้จ่ายมากกว่าแล้วยังมีจำนวนวันพักที่มากกว่าในแถบ เพื่อนบ้านด้วย
“สำหรับเออีซีที่จะเปิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 2015 นั้น รัฐบาลก็เตรียมพัฒนามาตรฐานด้านการท่องเที่ยว เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับประเทศในกลุ่มอาเซียน ทั้งในส่วนของโรงแรม ร้านอาหาร มัคคุเทศก์และพนักงานให้บริการด้านการท่องเที่ยวที่จะต้องมีการพัฒนาทางด้าน ภาษาเพิ่มมากขึ้น อย่างมัคคุเทศก์ภาษาญี่ปุ่น จีน และสเปน ลาวยังขาดแคลนอยู่มาก”
ในส่วนของการลงทุนด้านการท่องเที่ยวนั้นมีนักลงทุนทั้งจากไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย เข้ามาลงทุนในส่วนของโรงแรม ส่วนจีนนั้นจะเน้นไปทางด้านการค้ามากกว่าโดยมีโครงการชอปปิงคอมเพล็กซ์ขนาด ใหญ่อย่างเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เป็นผู้นำ ซึ่งไม่เพียงมีศูนย์การค้าแต่ยังมีโรงแรม และคอนโดมิเนียมรวมอยู่ด้วย โดยยึดพื้นที่ชายขอบของเมืองเวียงจันทน์
ขณะที่ชานเมืองเวียงจันทน์อีกด้านที่นักลงทุนจากจีนเข้ามาจับจองเช่า พื้นที่เรียบร้อยแล้วนั้น นอกจากจะมีโรงแรมหรูระดับ 5-6 ดาวตั้งอยู่แล้ว ในเขตพื้นที่นั้นยังมีการจัดสร้างหน่วยจ่ายกระแสไฟฟ้าย่อยเพื่อรองรับการ ขยายตัวของการใช้ไฟฟ้าด้วย
การพัฒนาของลาวอาจไม่ก้าวกระโดดเหมือนอย่างพม่า แต่ความเชื่องช้านั้นค่อย ๆ ก้าวไปอย่างมั่นคง.