วันนี้ ( 29 พ.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น.พ.ต.อ.เกษม มุทาพร ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จีระวัฒน์ โพธินารอง รอง ผกก. สืบสวน 2 บก.สส.ภ.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ายาบ้า ซึ่งมี นายธีระยุทธ พัฒนวงษา อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 / 1 หมู่ 6 ต.วังสามหมอ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี มีอาชีพทำสวน และ นายคำ ธรรมวง สัญชาติลาว อายุ 30 ปี หน่วย 6 เมืองปากะดิง แขวงบุริคำชัย สปป.ลาว พร้อมของกลางซึ่งมี ยาบ้า 8,050 เม็ด ,อาวุธปืนขนาด .22 เมดอิน สปป.ลาว จำนวน 1 กระบอก ,เครื่องกระสุน .22 จำนวน 5 นัด ณ ห้องประชุมสืบสวน 2 บก.สส.ภ.4
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4 ได้จับกุมนายธีระยุทธบริเวณหน้าบ้านพักเลขที่ 77/ 1 หมู่ 6 ต.วังสามหมอ อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี เพราะมียาบ้า 2,050 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ในบ้าน โดยบอกว่าต้องการเงินที่ได้จากยาบ้ามาใช้หนี้นอกระบบที่ยืมมาจำนวน 1 แสนบาท ดอกร้อยละ 20 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมนำมาขยายผลก็ทราบว่าไปรับยาบ้ามาจากนายคำ สัญชาติลาว เพื่อมาขายในเขต จ.อุดรธานีเม็ดละ 300 – 500 บาท ตำรวจจึงได้วางแผนในการจับกุมด้วยการล่อซื้อยาบ้าจากนายคำ เป็นเงินจำนวน 350,000 บาท ยาบ้าจำนวน 6,000 เม็ด โดยนายคำได้นัดหมายส่งมอบยาบ้าที่ริมถนนหลัก กม.ที่ 24 ถนนสายยุทธศาสตร์บ้านแพง – บึงกาฬ ต.ท่าดอกคำ อ.บึงโขงโหลง จ.บึงกาฬ
เมื่อถึงเวลานัดหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบเห็นนายคำนำยาบ้าซึ่งห่อ ด้วยกระดาษกาวสีดำเข้ามายังที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเข้าจับกุม ทำให้นายคำหลบหนี พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ยิงไม่ถูก และไปถูกจับห่างจากจุดนัดหมายประมาณ 100 เมตร พร้อมกับมีอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวอยู่ในมือ และมียาบ้าอยู่ในตัว จำนวน 6,000 เม็ด โดยนายคำยอมรับสารภาพว่า เป็นคนรับจ้างส่งยาบ้าให้กับคนลาวคนหนึ่งที่อยู่ในประเทศลาว มาส่งในประเทศไทยด้วยค่าจ้างส่งยาบ้าเที่ยวละ 10,000 บาท ทำมาแล้ว 5 เที่ยว เที่ยวที่ 6 ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมนายธีระยุทธส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ดำเนินคดีจำหน่ายและมียาบ้าไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายคำ ธรรมวง ถูกควบคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.บึงโขงโหลง จ.บึงกาฬ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนติดตัว และเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิด