สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่า หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) แสดงความไม่พอใจต่อทางการลาวและจีน ที่ร่วมกันส่งตัวผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือ 9 คน ซึ่งล้วนเป็นเด็กกำพร้า กลับคืนไปยังบ้านเกิด พร้อมกับเตือนว่า เข้าข่ายละเมิดพันธะสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนในระดับสากลนายรูเพิร์ต โคลวิลล์ โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ( ยูเอ็นเอชซีอาร์ ) แถลงแสดงความกังวลต่อสถานภาพของผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือทั้ง 9 คน ที่มีอายุระหว่าง 15-23 ปี ซึ่งถูกทางการลาวจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 16 พ.ค. หลังหลบหนีเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 พ.ค. โดยอาศัยจีนเป็นทางผ่าน ทั้งนี้ รัฐบาลลาวส่งตัวกลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้ขึ้นเครื่องบินไปยังจีน เพื่อรอเดินทางกลับไปยังเกาหลีเหนือตามเดิมเมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้วโคลวิลล์ได้กล่าวตำหนิรัฐบาลลาวและจีนอย่างรุนแรง ที่ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้ ที่ทางยูเอ็นเอชซีอาร์ได้รับรายงานว่า ล้วนเป็นเด็กกำพร้า และส่วนใหญ่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พร้อมกับเตือนว่า ท่าทีของทั้ง 2 ประเทศถือเป็นการละเมิดพันธสัญญาของยูเอ็นเอชซีอาร์ ว่าด้วยการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังดินแดนหรือสถานที่ที่ชีวิตและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของพวกเขาจะถูกคุกคาม เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือที่ถูกจับได้ จะต้องรับโทษด้วยการใช้แรงงานหนักในค่ายกักกันแทบทั้งชีวิตที่เหลือ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าใดก็ตามนอกจากนี้ โคลวิลล์ยังเรียกร้องให้รัฐบาลลาวและจีน แสดงหลักฐานที่เป็นรูปธรรมต่อสาธารณชน ที่สามารถยืนยันถึงความปลอดภัยของชาวเกาหลีเหนือทั้ง 9 คน และเรียกร้องให้เกาหลีเหนืออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ขององค์กรสากลเข้าไปตรวจสอบสถานภาพของผู้อพยพกลุ่มนี้ ว่าทุกคนยังปลอดภัยดีขณะที่นางเจน พิซากี โฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงในนามรัฐบาลวอชิงตัน แสดงความกังวลต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน และเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคร่วมกันช่วยเหลือกลุ่มผู้อพยพชาวเกาหลีเหนือทั้ง 9 คนให้เร็วที่สุดส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตลาวในกรุงโซล ของเกาหลีใต้ มีนักเคลื่อนไหวจำนวนมากมาชุมนุมกัน พร้อมกับชูแผ่นป้ายที่มีข้อความทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลี ประณามทางการลาว และเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนการตัดสินใจส่งตัวผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือปะปนกันไป แต่บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ