ภาพแฟ้มเอเอฟพีไม่ระบุวัน ที่ ที่ได้รับจากบล็อก Danlambao เมื่อวันที่ 31 ก.ค.
2555 เป็นภาพถ่ายของตะ ฟอง เติ่น บล็อกเกอร์ชาวเวียดนามที่ถูกจำคุกจากความผิดโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐ.
สหรัฐฯ ยินดีกับความเคลื่อนไหวของเวียดนามในการปล่อยตัวบล็อกเกอร์ชื่อดังที่ได้ เดินทางไปยังสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้ทางการเวียดนามปล่อยตัวผู้เห็นต่างให้มากขึ้นหากต้องการ ขยายความสัมพันธ์ด้านต่างๆ "เรายินดีกับการตัดสินใจของทางการเวียดนามที่ปล่อยตัว ตะ ฟอง เติ่น (Ta Phong Tan) ที่ตัดสินใจเดินทางมายังสหรัฐฯ หลังถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ" เทอร์รี่ ไวท์ จากสถานทูตสหรัฐฯ กล่าว "แต่เรายังมีความวิตกอย่างมากต่อคนทั้งหมดที่ยังคงถูกคุมขังใน เวียดนามจากการใช้สิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และขอเรียกร้องให้รัฐบาลเวียดนามปล่อยตัวนักโทษเหล่านั้นทั้งหมดอย่างไร้ เงื่อนไข และอนุญาตให้ชาวเวียดนามสามารถแสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้โดยไม่ต้องเกรง กลัวการลงโทษ" ไวท์ กล่าว ตะ ฟอง เติ่น อายุ 47 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิง ถูกจับกุมตัวในปี 2554 จากการเขียนบทความเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและการทุจริตคอร์รัปชันบนบล็อกของ ตัวเอง และถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 10 ปี จากข้อหาเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐ ในการพิจารณาคดีที่ยังตัดสินโทษเหวียน วัน ฮาย บล็อกเกอร์ชื่อดังอีกรายหนึ่ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ผู้เห็นต่างกับรัฐชื่อดังหลายคนได้รับการปล่อยตัวและถูกเนรเทศออกนอกประเทศ ไปยังสหรัฐฯ รวมทั้ง เหวียน วัน ฮาย ที่ได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนต.ค. 2557 อันเป็นคดีที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวถึง ฮิวแมนไรท์วอชแสดงความยินดีกับการปล่อยตัวเติ่น แต่ระบุว่าไม่มีใครควรถูกจำคุกจากการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ "การปล่อยตัวนี้ยังคงเป็นการปฏิบัติอย่างเหยียดหยามของเวียดนามต่อ ผู้เห็นต่างที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำที่จะถูกบังคับเนรเทศโดยตรง สิทธิเสรีภาพของพวกเขาต้องจ่ายด้วยการเดินทางออกจากประเทศทันที" ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอช ภูมิภาคเอเชีย ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ได้กล่าวว่าเวียดนามจำเป็นต้องปรับปรุงประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนของประเทศ หากต้องการที่จะขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และทหาร กับสหรัฐฯ ขณะที่ฮานอยกล่าวว่า ไม่มีใครถูกจำคุกในเวียดนามจากการแสดงความคิดเห็น มีเพียงผู้ละเมิดกฎหมายเท่านั้นที่จะถูกลงโทษ.
ຫວຽດນາມບໍໄດ້ໂງ່ເໝືອນກັນກັບປະເທດໃດປະເທດນຶ່ງທີ່ພະຍາຍາມເປັນສັຕຣູກັບມິດ ຫລືເຫັນມິດເປັນສັຕຣູ,
ສະຫະຣັຖ ແລະ ຫວຽດນາມ ອະດີດສັຕຣູທີ່ເຂັ່ນຂ້າລ້າງຜານກັນມາເປັນສິບໆປີແລ້ວປະເທດທັງສອງນີ້ໄດ້ປັບ
ເຂົ້າມາຫາກັນເພື່່ອສ້າງສຳພັນທະໄມຕຣີເປັນມິດກັນຢ່າງແໜ້ນແກ່ນ.
ປະເທດ ສປປ ລາວ ກໍປະເທດນຶ່ງທີ່ກຽດຊັງ ສະຫະຣັຖ ແລະຖືເປັນສັຕຣູນ້ຳເບີໜຶ່ງ ຈົນມີລະບົບສິດສອນເຍົາ
ວະຊົນລາວໃນໂຮງຮຽນໃຫ້ກຽດຊັງຄົນແລະປະເທດອາເມຣິກາ. ແຕ່ດ້ວຍເຫດຜົນອັນໃດບໍ່ຊາບ ສປປ ລາວ
ແລະ ສະຫະຣັຖ ມີຄວາມພົວພັນກັນທາງດ້ານທະຫານ ທີ່ມີແຜນຮ່ວມມືກັນປົກປ້ອງຜືນແຜ່ນດິນທີ່ເປັນຂອງ
ຊາດແລະປະຊາຊົນ ແລະໄດ້ເປີດກອງປະຊຸມເພື່ອຄວາມຕົກລົງໃນຄວາມຮ່ວມມືຂຶ້ນທີ່ນະຄອນລວງວຽງຈັນ
ເມື່ອສອງອາທິດທີ່ຜ່ານມາ.
ຄົນລາວຫລາຍລ້ານຫລາຍແສນຄົນອາດເຂົ້າໃຈວ່າ ບໍ່ແປກທີ່ລາວເປັນລູກນ້ອງຊັ້ນຈຳຂອງຫວຽດນາມຕ້ອງ
ເດີນຕາມກົ້ນຂອງນາຍເໜືອຫົວພວກເຂົາ. ແຕ່ຄວາມເປັນຈິງແລ້ວມັນເກີດຂຶ້ນມາຈາກສອງປະເທດນີ້ເປັນປະ
ເທດທີ່ອ່ອນແອຕໍ່ການໜີບເຕັງຂອງອິດທິພົນຈີນແດງບໍໄດ້ ຈຶ່ງກົ້ມໜ້າເຂົ້າເຜິ່ງ ສະຫະຣັຖ. ອີກບໍນານ ສະຫະ
ຣັຖ ຈະປົດແອກ ຄອມມິວນິສ ອອກຈາກຄໍຂອງຫວຽດນາມແລະ ສປປລາວ.