สื่ออังกฤษรายงานเมื่อวานนี้(11)ว่า กองทัพอากาศตุรกียิงเครื่องบินรบประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ตก หลังบินล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกีบริเวณ ฮูเรย์ตัน (Huraytan) ทางเหนือของตุรกี หลังก่อนหน้านี้กองทัพตุรกีแถลง เครื่องบินรบรัสเซียเคยใช้เรดาร์ล็อกเป้าจ่อ F-16 ตุรกีนาน 4 นาที 30 วิ Express สื่ออังกฤษได้ติดต่อเพื่อขอความยืนยันถึงข่าวเครื่องบินรบรัสเซียรุ่น Mig-29 ถูกยิงตกในตุรกี ไปยังรัฐบาลตุรกีและกระทรวงกลาโหมรัสเซียในเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีฝ่ายใดออกแถลงการณ์ยืนยันในเรื่องนี้ สื่ออังกฤษชี้ว่า กระแสข่าว Mig-29 ถูกยิงตกแพร่ไปทั่วอินเตอร์เนตว่า มีผู้เห็นเหตุการณ์การระเบิดครั้งรุนแรงบริเวณฮูเรย์ตัน(Huraytan) ทางเหนือของตุรกีในช่วงกลางดึก ซึ่งมีเครื่องบินรบตุรกี F-16 จำนวน 3 บินวนอเหนือฟ้าบริเวณนั้น โดย David Cenciotti ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นตุรกีให้กับสื่อการทหารและอากาศยานพลเรือน The Aviationist รายงานผ่านทวิตเตอร์ว่า “เครื่องบินกองทัพอากาศตุรกี 3 ลำยิงเครื่องบินลึกลับรุ่น Mig-29 ของอดีตสหภาพโซเวียตทีมีใช้ประจำการในกองทัพรัสเซีย โดยเครื่องบินรบสัญชาติรัสเซียจำนวน 1 ลำนี้ ได้บินข้ามพรมแดนเข้ามาในขณะใช้เรดาร์ล็อกเป้า” ซึ่งในรายงานของ The Aviationist ในวันที่ 6 ตค. ล่าสุดชี้ว่า เสนาธิการร่วมกองทัพตุรกีเปิดเผย 1 วันก่อนหน้านั้นว่า เครื่องบินรบทิ้งระเบิดรัสเซีย Mig-29 ใช้เรดาร์ล็อกเป้าเป็นเวลา 4 นาที 30 วินาที ไปที่ 1 ใน 8 ของ ฝูงเครื่องบินรบกองทัพอากาศตุรกี TuAF รุ่น F-16 ที่กำลังบินลาดตระเวนเหนือชายแดนตุรกี-ซีเรียอยู่ในเวลานั้น โดยเหตุการณ์ถูกเครื่องบินรบรัสเซียล็อกเป้าเกิดขึ้นในวันที่ 5 ตค. และวันที่ 3 ตค. 2015 และหากรายงานการบินล็อกเป้าของ Mig-29 ล่าสุดเป็นความจริง จะถือเป็นครั้งที่ 3 ของกองกำลังรัสเซียที่กระทำต่อเครื่องบินรบตุรกีในน่านฟ้าตุรกี Express รายงานเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากความตรึงเครียดระหว่างรัสเซียและชาติ ตะวันตกมีเพิ่มมากขึ้นหลังจากที่เครื่องบินรบทิ้งระเบิดรัสเซียบินล้ำข้าม พรมแดนตุรกี โดยอ้างว่าเป็นเพราะสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยในขณะนั้นเครื่องบินรบ F-16 บินประกบ Mig-29 จำนวน 1 ลำของรัสเซียทันที หลังจากบินล้ำน่านฟ้าเข้ามา และกำลังใช้เรดาร์ล็อกเป้าไปที่เครื่องบินสัญชาติตุรกีจำนวนหนึ่งบริเวณ ยายลาดากี(Yayladagi) จ. ฮาเตย์ (Hatay) ติดพรมแดนซีเรีย ซึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะบินล้ำมาจากฝั่งซีเรีย อย่างไรก็ตาม การล้ำน่านฟ้าของเครื่องบินรบรัสเซียติดพรมแดนซีเรียนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงยอมรับอย่างเป็นทางการว่า เกิดขึ้นจากความผิดพลาด แต่ทว่าทางฝั่งตุรกีได้ออกมาตอบโต้ทันที โดยประกาศว่า หากทางรัสเซียส่งเครื่องบินรบล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกีเข้ามาอีกครั้ง จะต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะตามมาหลังจากนั้น ด้าน อาห์เหม็ด ดาวูโตกลู นายกรัฐมนตรีตุรกี ให้สัมภาษณ์อย่างเผ็ดร้อนถึงการที่รัสเซียก้าวเข้ามามีส่วนในสงครามต่อต้าน ก่อการร้ายของซีเรียว่า จะยิ่งทำให้สถานการณ์ที่เปราะบางอยู่แล้วมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปที่ประเทศลักเซมเบิร์ก เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม เรียกร้องให้รัสเซียยุติการใช้กำลังทางทหารโจมตีกลุ่มอื่นนอกเหนือจากกลุ่ม รัฐอิสลามหรือไอเอสในประเทศซีเรียทันที พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ระบอบการปกครองของนายบาชาร์ อัล อัสซาด คือผู้รับผิดชอบรายแรกจากเหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจากความ ขัดแย้ง
คณะรัฐมนตรีต่างประเทศอียูได้มีการลงมติที่รุนแรงถึงรัฐบาลรัสเซีย โดยไม่ยอมรับที่กองกำลังทหารรัสเซียได้พุ่งเป้าโจมตีกลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน ในซีเรียเมื่อเร็วๆ นี้ และเรียกร้องให้ยุติการใช้กำลังทหารทันที รวมทั้งให้ละเว้นการละเมิดน่านฟ้าประเทศข้างเคียงอีกด้วย
ยิ่งกว่านั้น คณะรัฐมนตรีต่างประเทศอียูยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า การใช้กำลังทางทหารที่ยาวนาน "เสี่ยงที่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ บ่อนทำลายกระบวนการทางการเมือง ทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมเลวร้ายยิ่งขึ้น และเพิ่มจำนวนพวกหัวรุนแรง" จึงได้มีการเรียกร้องให้รัสเซีย "มุ่งเน้นใช้ความสามารถที่จะหาทางออกทางการเมืองในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง"
ในข้อมติที่คณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปสรุปคือ "การเปลี่ยนผ่านที่สงบและเต็มรูปแบบ" ในประเทศซีเรีย โดยมีความเห็นว่า ผู้ครองอำนาจในปัจจุบันไม่สามารถทำให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกำหนดบทบาทที่ชัดเจนให้ประธานาธิบดีซีเรียในช่วงของการ เปลี่ยนผ่าน แต่ก็ได้ระบุชัดเจนว่า "ระบอบการปกครองของนายอัสซาดคือผู้รับผิดชอบที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนถึง 250,000 คน และมีผู้อพยพอีกจำนวนหลายล้านคน" นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2554
นางเฟเดริกา โมเกรินี ผู้แทนระดับสูงด้านการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง/รองประธานคณะ กรรมาธิการยุโรป ยืนยันว่า เป็นบทบาทหลักขององค์การสหประชาติในการเป็นผู้ดำเนินการเจรจา ขณะที่สหภาพยุโรปจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก โดยเห็นว่า การใช้กำลังทางทหารของรัสเซียนั้นเป็นเรื่องที่อันตราย หากมีการโจมตีกลุ่มอื่นนอกเหนือจากกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอเอส แต่ก็ยังยืนยันถึงบทบาทที่สำคัญของรัสเซียในการกดดันรัฐบาลซีเรียให้ยอมรับ กระบวนการเปลี่ยนผ่าน เธอสรุปว่า "จะต้องเปิดโอกาสให้รัสเซียเข้ามามีบทบาทสสำคัญเพื่อให้สามารถเริ่มต้น กระบวนการทางการเมือง
โฆษกกองทัพสหรัฐฯเผย เครื่องบินลำเลียงของกองทัพสหรัฐฯบินหย่อนเครื่องกระสุนในภาคเหนือของประเทศ ซีเรีย เพื่อให้แก่กลุ่มกบฏที่ต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธ รัฐอิสลาม...
สำนักข่าวต่าวประเทศรายงานว่า พันเอก สตีฟ วอร์เรน โฆษกกองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯประจำฐานทัพในกรุงแบกแดด เผยว่า เครื่องกระสุนดังกล่าวตกถึงมือกลุ่มกบฏที่มีชื่อว่า พันธมิตรอาหรับซีเรีย (Syrian Arab Coalition: SAC) ซึ่งต่อสู้กับกลุ่มไอซิสในบริเวณรอบเมืองรักกะ ฐานที่มั่นทางภาคเหนือของซีเรียมานานหลายเดือน
ด้านพันเอก แพทริค ไรเดอร์ โฆษกกองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ ระบุว่า "กองกำลังพันธมิตรได้หย่อนเครื่องกระสุนในภาคเหนือของซีเรียเมื่อวันอาทิตย์ (11 ต.ค.) เพื่อเสริมยุทโธปกรณ์แก่กองกำลังท้องถิ่นต่อต้านกลุ่มไอซิส เนื่องจากพวกเขาดำเนินปฏิบัติการต่อสู้กับกลุ่มไอซิส" ขณะที่มีเจ้าหน้าที่สหรัฐฯผู้ไม่เปิดเผยนามผู้หนึ่ง เผยด้วยว่าสหรัฐฯหย่อนเครื่องกระสุนและระเบิดมือหนักถึง 50 ตัน
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐฯเกิดขึ้นหลังจากรัสเซียเริ่มปฏิบัติการโจมตี ทางอากาศต่อต้านกลุ่มไอซิสในซีเรีย แต่สหรัฐฯและชาติยุโรปกล่าวหารัสเซียว่าโจมตีใส่กลุ่มกบฏฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ซึ่งสหรัฐฯและชาติตะวันตกสนับสนุนอยู่ แม้ว่ารัสเซียจะปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม พันเอกวอร์เรนระบุว่า มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่กลุ่ม SAC จะถูกโจมตีด้วยระเบิดของรัสเซีย เพราะรัฐบาลมอสโกมุ่งเน้นโจมตีในพื้นที่อื่น
นักข่าวเอเอฟพีรายงานในวันอังคาร (13 ต.ค.) ว่ามีจรวด 2 ลูกถูกยิงไปโดนอาคารของสถานทูตรัสเซียในกรุงดามัสกัส ขณะที่ผู้คนกำลังรวมตัวกันเพื่อแสดงการสนับสนุนปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใน ซีเรียของทัพหมีขาว ทำให้เกิดความโกลาหลแตกตื่น นักข่าวในพื้นที่ระบุว่า ตอนที่จรวด 2 ลูกถูกยิงไปโดนอาคารสถานทูตรัสเซียในย่านมาสรา ของกรุงดามัสกัส ฝูงชนราว 300 คนกำลังเริ่มมารวมตัวกันเพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนปฏิบัติการของรัสเซียใน ซีเรีย ความโกลาหลแตกตื่นได้เกิดขึ้นไปทั่วพื้นที่ เบื้องต้นยังไม่ชัดเจนว่ามีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตบ้างหรือไม่ ผู้ที่มาชุมนุมเหล่านี้พากันโบกธงรัสเซียและถือรูปขนาดใหญ่ของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด กลุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ระบุว่า จรวดทั้ง 2 ลูกถูกยิงมาจากฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง ซึ่งเป็นที่มั่นของพวกกบฏซีเรีย สถานทูตรัสเซียเคยถูกโจมตีด้วยจรวดมาแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เพียงแค่ 9 วันก่อนเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย รัสเซียได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากมีกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงมาตกใส่อาคารสถานทูตรัสเซียในกรุงดามัสกัส