รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ว่า กองทัพเรือสหรัฐอเมริกามีแผนจะส่งเรือพิฆาตติดจรวดนำวิถี ยูเอสเอส แลสเซน เข้าไปภายในรัศมี 12 ไมล์ทะเลของเกาะเทียม ที่จีนถมทะเลสร้างขึ้นในทะเลจีนใต้ ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นระลอกแรกของการท้าทายเป็นชุด ต่อการกล่าวอ้างอาณาเขตดินแดนของจีน
เจ้า หน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวเมื่อวันจันทร์ ว่า การลาดตระเวณของเรือแลสเซน จะแล่นเข้าไปใกล้เกาะปะการังซูบีและมิสชีฟ ในเขตหมู่เกาะสแปรตลีย์ ซึ่งในอดีตเคยจมอยู่ใต้น้ำ และจีนทำการสูบน้ำถมทะเลขนานใหญ่ จนกลายเป็นเกาะในปี 2557 การเดินทางของเรือแลสเซนมีความเป็นเป็นไปได้สูง ที่อาจจะมีเครื่องบินสอดแนมแบบ พี-8เอ และแบบ พี-3 ซึ่งออกปฏิบัติภารกิจสอดแนมในภูมิภาคเป็นประจำ ติดตามไปด้วย
เจ้า หน้าที่เผยอีกว่า การลาดตระเวณเพิ่มเติมจะมีติดตามมาอีก ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และอาจจะลาดตระเวณรอบๆ สิ่งปลูกสร้าง ที่เวียดนามและฟิลิปปินส์สร้างขึ้นในหมู่เกาะสแปรตลีย์ด้วย "นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเลิก" เจ้าหน้าที่กล่าว ขณะที่นายจอช เออร์เนสต์ โฆษกประจำทำเนียบขาวสหรัฐ กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ว่า สหรัฐได้ประกาศต่อจีนชัดเจน ถึงความสำคัญของการไหลเวียนอย่างเสรีของการค้าในทะเลจีนใต้ ซึ่งไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ของจีนแต่ผู้เดียว
การ ท้าทายของสหรัฐจะมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนถึงการประชุมสุดยอด เอเชีย-แปซิฟิก หลายรายการ ซึ่งคาดว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำของจีน จะเข้าร่วม ในช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ย.
สหรัฐ อ้างเหตุผลว่า ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ การสร้างเกาะเทียมบนเกาะปะการังที่เคยจมอยู่ใต้น้ำ จะไม่ทำให้ประเทศที่สร้างสามารถจำกัดเขตอ้างกรรมสิทธิ และถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการรักษาเสรีภาพของการเดินเรือ ในทะเลที่มีการค้าโลกมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ทะลุผ่านในแต่ละปี.
ບໍ່ເປັນຫັຽງດອກເພາະມີຜູ້ນຳລາວກະດູກເຫຼັກ ຈູມມະລີ ໄຊຍະສອນ ໄປໃຫ້ກຳລັງໃຈໃນວັນ
ຊາດຂອງຈີນທີ່ຜ່ານມາວ່າໄດ້ເຄີຍຮ່ວມຕໍ່ສູ່ກັບຈີນຕ້ານການຮຸກຮານຂອງຍີ່ປຸ່ນ(ບໍ່ຮູ້ວ່າເພິ່ນຈັກປີເວລານັ້ນ)
ແລະ ຈະຢືນຄຽງຂ້າງຈີນໃນການປົກປັກຮັກສາສັນຕິພາບໃນຂົງເຂດ(ບໍ່ຮູ້ວ່າປະຊາຊົນລາວເຫັນພ້ອມ ຫຼື ບໍ່)
ເພາະບໍ່ແມ່ນປະຊາຊົນລາວເລືອກເພິ່ນດ້ວຍຄວາມພໍໃຈ ແລະ ເຫັນໃນຄວາມສາມາດ ແລະ ຄຸນສົມບັດ.ແຕ່.....
ແຕ່ປະຫວັດສາດຂອງເລື່ອງນີ້ທີ່ຂ້ອຍຮູ້ຈັກແມ່ນຜິດກັນປານຟ້າກັບດິນ ລະຫວ່າງ ຄຳປາໃສຂອງ ທ່ານ
ຈູມມະລີ ໄຊຍະສອນ ໃນງານດັ່ງກ່າວ.ບໍ່ຮູ້ວ່າຈະໄປເຊື່ອຜູ້ມີອຳນາດເວົ້າ ຫຼື ເຊື່ອຄວາມຈິງດີ.
ນອກຈາກນີ້ຍັງມີອີກຫຼາຍຢ່າງທີ່ທາງການລາວພິກປີ້ນຄວາມຈິງເຊັ່ນ ວັນປະກາດເອກຣາດ 12 ຕຸລາ
ກໍ່ວ່າແມ່ນພຽງພາຍໄຕ້ການນຳ ຂອງ ໄກສອນ ພົມວິຫານ ແລະ ສຸພານຸວົງ.ເບິ່ງເອົາ,ຟັງເອົາພີ່ນ້ອງຊາວ
ລາວ.ຖ້າແມ່ນພວກນີ້ເປັນຜູ້ນຳແທ້ໃນເຫດການດັ່ງກ່າວ,ຄຶດວ່າປານນັ້ນຄົນລາວຄົງຕ້ອງໄດ້ແຕກໜີຈາກ
ປະເທດບໍ່ຕ່າງຫຍັງກັບ ວັນທີ 2 ທັນວາ 1975 ແນ່ນອນ.ແຕ່ວັນນັ້ນ 12 ຕຸລາ 1945 ຄົນລາວບໍ່ມີໃຜ
ແຕກໜີອອກຈາກປະເທດເໝືອນເລີ້ມແຕ່ປີ 1975 ເລີຍ.ນອກຈາກພວກອັບປີໜີເຂົ້າປ່າໄປຮ່ວມມື
ກັບແກວເອົາກຳລັງມາເຂັ່ນຂ້າ ແລະ ປຸ້ນປະຊາຊົນລາວບັນດາເຜົ່າ.