"บิ๊กตู่"เผยส่งรองนายกฯ คุยโครงการรถไฟฟ้ากับจีน ยันไทยไม่เจรจาแบบโง่ ๆ ต้องหาผลประโยชน์ร่วม 2 ฝ่าย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน ว่า รองนายกรัฐมนตรีของจีนจะเดินทางมาไทยเร็ว ๆ นี้ ซึ่งตนได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตจีนไปแล้วว่าความร่วมมือมี 3 ระดับ ทั้งเรื่องราง การเดินรถ และผลประโยชน์ จะมีการร่วมลงทุนกันกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันมา โดยตนได้ให้แนวทางกับรองนายกรัฐมนตรีของเราไปแล้ว โดยขอให้ไปหารือให้จบเรื่องงบประมาณ และการลงทุนร่วมกัน ไม่ใช่ให้ไทยออกเพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ก็ต้องคุยถึงเรื่องผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น จึงต้องให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ แต่ที่ผ่านมาอาจไม่เข้าใจกันทำให้เกิดความล่าช้า วันนี้จึงต้องเริ่มจากหลักการก่อนว่าจะลงทุนแบบไหน มีตัวเลขอย่างไร อย่าลืมว่าต้นทุนของเรามีทั้งเรื่องที่ดิน รางรถไฟก็ต้องคิดมูลค่าออกมา ระยะต่อมาเรื่องการประกอบการ เรื่องรถ และการบริหารจัดการในอนาคต ซึ่งต้องเตรียมบุคลากรและกฎหมายไว้ด้วย เราจะไปเจรจาโง่ ๆ ไม่ได้
----------------------------------------------------------------------
ແຕ່ວ່າ ບັກເຈັກແປະ ຜູ້ນຳປະເທດຂອ້ຍ ມັນເຈລະຈາແບບໂງ່, ໆ ໄປແລ້ວ
ຈິນໄດ້ຜົລປະໂຍດແຕ່ພຽງຜູ້ດຽວ
ບັກເຈັກແປະມັນເຈຣະຈາກັບຈີນແບບໂ່ງ່ໆຍ້ອນມັນບໍ່ມີຄວາມຮູ້,ມັນເຄີຍເປັນ
ເຈັກແປງຣົຖຢູ່ເມືອງຫລວງພຣະບາງ
ນາຍົກໄທ ສວຍໂອກາດດ່າຜູ້ນຳລາວໂດຍທາງອ້ອມ...ຄັກບໍ່
ການຮັບເອົາໂຄງການຂອງເຈັກແບບໂງ່ໆ ທີ່ພວກພັກລັດຮັບເອົານັ້ນ ເຈັກມັນໄດ້ປຽບທັງຫມົດ.
ສົມແລ້ວທີ່ປະເທດໄທ ເຂົາດ່າເຈັກ...ມັນມີແຕ່ສິມາເອົາເຂົ້າຖົງມັນລູກດຽວ
ບັກເຈັກແປະລາວ ມັນໄດ້ເງິນໃຕ້ໂຕະ ພໍໃຫ້ລູກໃຫ້ເມັຍມັນໄດ້ໄປ ຊອປປີ້ງຢູ່ນອກປະເທດ...
ບັກສັດ.....
Anonymous wrote:ບັກເຈັກແປະມັນເຈຣະຈາກັບຈີນແບບໂ່ງ່ໆຍ້ອນມັນບໍ່ມີຄວາມຮູ້,ມັນເຄີຍເປັນເຈັກແປງຣົຖຢູ່ເມືອງຫລວງພຣະບາງ
ທ່ານ ປະເມີນຜົລຜິດພາດແລ້ວ ວ່າເຂົາໂງ່, ຄວາມຈີງແລ້ວ
ເຂົາສລາດ ສຸດທີ່ສລາດ, ເຂົາກາຍເປັນເສດຖີຈາກ ສອງຝ່າມືເປົ່າ
ພາຍໃນຊົ່ວພິບຕາ ແບບບໍ່ມີໃຜເຮັດໄດ້ຄືເຂົາ
www.siengserixonlao.com
Anonymous wrote:Anonymous wrote:ບັກເຈັກແປະມັນເຈຣະຈາກັບຈີນແບບໂ່ງ່ໆຍ້ອນມັນບໍ່ມີຄວາມຮູ້,ມັນເຄີຍເປັນເຈັກແປງຣົຖຢູ່ເມືອງຫລວງພຣະບາງ ທ່ານ ປະເມີນຜົລຜິດພາດແລ້ວ ວ່າເຂົາໂງ່, ຄວາມຈີງແລ້ວເຂົາສລາດ ສຸດທີ່ສລາດ, ເຂົາກາຍເປັນເສດຖີຈາກ ສອງຝ່າມືເປົ່າພາຍໃນຊົ່ວພິບຕາ ແບບບໍ່ມີໃຜເຮັດໄດ້ຄືເຂົາຄົນດີມີສິລທັມເຂົາບໍ່ເຮັດແບບບັກເຈັກແປະນີ້ດອກ,ມີແຕ່ພວກໂຈນໄຮ້ຣະດັບເຫັນແກ່ວັດຖຸ
ຄົນດີມີສິລທັມເຂົາບໍ່ເຮັດແບບບັກເຈັກແປະນີ້ດອກ,ມີແຕ່ພວກໂຈນ
ໄຮ້ຣະດັບເຫັນແກ່ວັດຖຸ
เมื่อคะแนนนิยมเริ่มแผ่ว วันนี้ รัฐบาล ก็เริ่มหันมา ฟังเสียงประชาชนที่รักชาติหวังดีต่อชาติบ้านเมืองมากขึ้น ทั้งเรื่อง การยกเลิกกฎหมายจีเอ็มโอ และ โครงการรถไฟไทย—จีน 5 แสนล้านบาท ที่ไทยเสียเปรียบจีนมากมาย ก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี ผู้เห็นต่างจากรัฐบาลในเรื่องการบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นผู้หวังดีต่อชาติบ้านเมือง หวังดีกับรัฐบาล อยากให้รัฐบาลบริหารประเทศไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่เสียหายเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในเรื่อง รถไฟไทย—จีน จากการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร ถือว่าเซอร์ไพรส์พอสมควร
นายกฯ บอกว่า ตนได้ให้แนวทาง รองนายกฯ (ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ในการหารือด้าน ความร่วมมือรถไฟไทย—จีน กับ รองนายกฯจีน (แต่จากข้อมูลของรัฐบาลในพิธีเริ่มต้นรถไฟไทยจีนที่เชียงรากน้อยวันพรุ่งนี้ ระบุว่า รองนายกฯจีน ที่พูดถึงคือ นายหวังหย่งมนตรีแห่งรัฐจีน) ใน 3 ระดับ คือ เรื่องระบบราง ระบบการเดินรถ และ ผลประโยชน์ข้างทาง แล้วมาร่วมลงทุนกัน ผลประโยชน์จะตกลงกันกี่เปอร์เซ็นต์ เรื่องการลงทุนไม่ใช่ไทยออกข้างเดียว ส่วนผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะมาชดเชยเงินลงทุนในโครงการ ก็ต้องแบ่งผลประโยชน์กัน
ที่ผ่านมาไม่เข้าใจกัน ทำให้โครงการล่าช้า แล้วสังคมก็ไม่เข้าใจไปอีก มันเลยไปไม่สำเร็จ
มันต้องเริ่มจากหลักการว่า จะต้องเริ่มลงทุนกันอย่างไรในแต่ละโครงการ เป็นโครงการเท่าไหร่ ต้นทุนของเราคือที่ดิน รางรถไฟตีค่าเท่า ไหร่ อย่างอื่นก็ไปปันกันมาในกติกาที่มีร่วมกัน เขาต้องใช้อุตสาหกรรมในประเทศเราด้วย ใช้แรงงานในประเทศไทยด้วย ส่วนเราก็เอาเทคโนโลยีด้านรถไฟเขามา เพราะเป็นลิขสิทธิ์เขา และต้องเตรียมบริษัทประมูลการก่อสร้าง เป็นเรื่องการลงทุนต่างๆ หลายบริษัทรับไป แต่ต้องเป็นคนไทย เป็นการสร้างงานในไทย ไม่ใช่ทุกอย่างเขาหมด เอาแรงงานเข้ามาสร้าง ผมเจรจาโง่ๆแบบนี้ได้เหรอ ดูถูกหรือเปล่า
สิ่งที่นายกฯพูดครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา สังคมก็ดีใจที่เห็นนายกฯเข้าใจถูก ที่ผ่านมาสังคมก็ไม่ได้เข้าใจผิด ได้ทักท้วงรัฐบาลมาตลอด แต่รัฐบาลไม่ค่อยพอใจ
โครงการนี้แปลกตั้งแต่แรก เป็นโครงการที่จีนทำทั้งหมด ตั้งแต่ ริเริ่มโครงการศึกษาข้อมูลต่างๆ วงเงินลงทุน เงินกู้ ดอกเบี้ย ระบบราง ระบบเดินรถ ขบวนรถ การก่อสร้าง จากวงเงิน เริ่มต้นไม่ถึง 4 แสนล้านบาท เพิ่มเป็น 5 แสนล้านบาท ระยะทางแค่ 873 กม. เฉลี่ย กม.ละ 600 ล้านบาท ไทยต้องลงทุนทั้งที่ดิน เงินลงทุนอีก 60% ต้องซื้อทุกอย่างจากจีน จีนได้ประโยชน์มหาศาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมจีนทางบก แต่ลงทุนน้อย แถมยังได้ขายของให้โครงการอีกหลายแสนล้านบาท คืนทั้งต้นทุนและกำไร
ยิ่งเปิดเข้าไปดู ผลการศึกษาเบื้องต้นโครงการรถไฟไทย—จีน ที่จีน ส่งให้ไทย ก็ยิ่งสะอึก เพราะใช้เงินลงทุนสูงถึง 530,000 ล้านบาท ไม่นับดอกเบี้ยและค่าที่ดินของไทย รายละเอียดบางอย่าง เช่น ค่าแรงคนงานก่อสร้าง ค่าแรงขั้นต่ำคนงานจีนเฉลี่ยวันละ 160 หยวน หรือ 916.80 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวนต่อ 5.73 บาท) แต่ ค่าแรงขั้นต่ำ คนงานไทย 300 บาทต่อวัน เป็นต้น อุปกรณ์ก่อสร้างต่างๆก็ต้องนำเข้าจากจีน รวมทั้งระบบราง ระบบเดินรถ ขบวนรถ อีกหลายแสนล้านบาท
ไทยไม่ใช่ประเทศรวย การลงทุนในโครงการที่ต้องใช้เงินสูงถึง 530,000 ล้านบาท พร้อมหนี้และดอกเบี้ยอีกก้อนโต โดยคนไทยและประเทศไทยได้ประโยชน์นิดเดียว จึงต้องคิดทบทวนให้จงหนัก เพราะคนที่ต้องจ่ายหนี้ในอนาคต ไม่ใช่คนในรัฐบาลนี้ แต่เป็นลูกหลานของเรา
วันพรุ่งนี้ 15.10 น. นายหวัง เสี่ยวเทา รอง ผอ.คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน นายหวังหย่ง มนตรีแห่งรัฐจีน จะร่วมกับ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ ทำพิธีเริ่มต้นโครงการรถไฟไทย—จีน ที่สถานีรถไฟเชียงรากน้อย ผมก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลไม่รีบร้อนลงทุนโครงนี้ โดยไม่มีการศึกษาให้รอบคอบเสียก่อน.
ວັນເວລາຜ່ານໄປໃນໄລຍະ30-40 ປີທີ່ຜ່ານມາປະເທດທີ່ຢູ່ໃນເຂດAECເຂົາພາກັນພັດທະນາປະເທດກັນຢ່າງວ່ອງໄວເພື່ອບໍ່ໃຫ້ ອາຍສາຍຕາຊາວໂລກ.
ແຕ່ກັບມາເບີ່ງທີ່ປະເທດລາວເຮົາຖະໜຸນຫົນທາງຍັງຈົມຢູ່ພາຍໃຕ້ຂີ້ຕົມແລະຂີ້ຝຸ່ນໄຫ່ງກຸ້ມ ໃນລະດູແລ້ງບໍ່ໄປບໍ່ມາໃສ...
(ອັນນີ້ບໍ່ແມ່ນວ່າຂ້າພະເຈົ້າຊິເວົ້າໃຫ້ປະເທດໂຕເອງເດີ້ ແຕ່ມັນເຫຼືອຄວາມອົດທົນແລ້ວຂໍລະບາຍແນ່ເທາະ )
ไทยไม่ใช่ประเทศรวย การลงทุนในโครงการที่ต้องใช้เงินสูงถึง 530,000 ล้านบาท พร้อมหนี้และดอกเบี้ยอีกก้อนโต