เชียงราย - กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งไทยใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ปิดทางเข้า-ออกด่านฯ เชียงของ ผ่านสะพานข้ามโขงแห่งที่ 4 เชื่อมเส้นทาง R3a เข้าลาว-จีน ประท้วงเจ้าหน้าที่ลาวเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มพรวดเดียวกว่าเท่าตัว พอไม่มีจ่ายกลับกักรถไทยไว้กว่า 60 คัน วันนี้ (7 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าผ่านด่านพรมแดน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4-ถนนอาร์สามเอ (แขวงบ่อแก้ว-แขวงหลวงน้ำทา-จีนตอนใต้) ได้พากันนำรถบรรทุกคอนเทนเนอร์ประมาณ 10 คัน ปิดถนนตรงช่องทางเข้าออกหน้าด่านพรมแดนฯ ก่อนถึงสะพานเล็กน้อย โดยอ้างว่า เพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาด่านพรมแดนฝั่งเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกันที่กักรถบรรทุกสินค้าของผู้ประกอบการไทยเอาไว้บริเวณ ลานจอดรถภายในศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าฝั่ง สปป.ลาว ไม่ยอมปล่อยให้รถกลับมาฝั่งไทยจนกว่าจะมีการเสียค่าใช้จ่ายตามที่เจ้า หน้าที่ลาวกำหนด นางจุรีรัตน์ แซ่ใช ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า จากบริษัทชัยสวัสดิ์ อินเตอร์ จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการ เปิดเผยว่า ตอนนี้มีรถบรรทุกไทยซึ่งส่วนใหญ่บรรทุกผลไม้ทั้งกล้วย มังคุด ทุเรียน ฯลฯ จากไทย จะนำไปส่งที่มณฑลยูนนาน จีนตอนใต้ ถูกกักเอาไว้ที่ด่านพรมแดนของ สปป.ลาว เมื่อ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ประมาณ 60 คัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ได้เรียกเก็บค่าจอดรถ หรือค่าฉางเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1,513 บาทต่อคัน จากเดิมที่เก็บคันละ 1,600 บาท ทำให้ผู้ประกอบการต้องเสียเงินเพิ่มมากขึ้นเป็น 3,113 บาท ทั้งยังมีการเก็บค่าอากรเพิ่มขึ้นอีก 1,200 บาท ค่าธรรมเนียมที่เมืองบ่อเต็นอีกคันละ 1,500 บาท ฯลฯ รวมทั้งหมดต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นกว่า 10,820 บาทต่อคัน ซึ่งถือว่าแพงมากเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา “ที่สำคัญทางผู้ประกอบการไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อนเลยว่าจะมีการเก็บ เพิ่ม จึงพากันบรรทุกสินค้าไปเต็มคันรถส่วนใหญ่เป็นผลไม้ที่เสียหายง่าย เมื่อไม่จ่ายรถก็ไม่สามารถขนส่งต่อไปได้ จึงอยากเรียกร้องให้ทางการลาวล้มเลิกการเก็บเงินเพิ่ม ขอให้เก็บอัตราเดิม และขอให้ฝ่ายไทยมาช่วยแก้ไขปัญหานี้ด้วย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังผู้ประกอบการขนส่งนำรถบรรทุกขาดใหญ่ปิดช่องทางเข้า-ออกสะพานข้ามแม่น้ำ โขงแห่งที่ 4 ทำให้การเดินทางผ่านเข้าออกชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงของ ตรงสะพานข้ามแม่น้ำโขงเกิดปัญหารถติดขัดทันที เพราะตามปกติจะมีทั้งรถบรรทุกสินค้า รถโดยสาร และรถนักท่องเที่ยวผ่านเข้า-ออกตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ของไทย ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร และฝ่ายทหาร ได้เข้าไปเจรจากับผู้ประกอบการจนยินยอมเปิดเส้นทางเมื่อ 10.00 น.แล้ว ขณะที่นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้เดินทางไปประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการ ณ ด่านพรมแดนเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว สำหรับการค้าผ่านด่านศุลกากรเชียงของ ในปี 2558 มีการส่งออกสินค้าจากไทยผ่านด่านศุลกากรเชียงของ เป็นมูลค่า 13,359,719,564.89 บาท นำเข้ามูลค่า 3,803,676,768.05 บาท มีรถบรรทุกผ่านเข้าด่าน จำนวน 22,135 คัน และขาออก จำนวน 23,655 คัน ส่วนปีงบประมาณ 2559 ตั้งแต่เดือน ต.ค.2558-ม.ค.2559 มีการส่งออกแล้ว 5,153,193,728 บาท และนำเข้า 1,827,129,349.31 บาท มีรถเข้าออกเฉลี่ยเดือนละ 2,000-3,000 คัน ซึ่งยังไม่รวมรถนักท่องเที่ยว และคนทั่วไปอีกเป็นจำนวนมาก