ເຈົ້າໜ້າທີ່ ຝັ່ງລາວ ເຂົ້າພົບ 2 ຄູ່ກໍລະນີຄອບຄອງເງິນ 98 ລ້ານບາດ
ตรวจคนเข้าเมืองลาว รุดขอข้อมูลหลังสองพี่น้องคนลาวขนเงิน 98 ล้าน จะออกนอกประเทศ แล้วถูกศุลกากรหนองคายตรวจยึดจับกุม ขณะที่ตรวจสอบแถบมัดเงินพบ 4 ธนาคารแลกเปลี่ยนเงินให้ความคืบหน้า กรณีศุลกากรหนองคาย ทำการจับกุมนายสุบัน เตยสิริ อายุ 30 ปี และนายคำบอน เตยสิริ อายุ 24 ปี สองพี่น้องชาวลาว ขณะขับรถยนต์โตโยต้าซุกซ่อนเงิน 98 ล้านบาท ไว้ในรถ เหตุเกิดช่วงบ่ายวานนี้(12 ธ.ค.60) ในวันนี้ (13 ธ.ค.60) นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย ได้ให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร แยกจำแนกแถบมัดเงิน พบว่าเป็นแถบเงินของธนาคารกรุงไทย 79 ล้านบาท, ธนาคารกสิกรไทย 4 ล้านบาท, ธนาคารกรุงเทพ 4 ล้านบาท, ธนาคารทีเอ็มบี 4 ล้านบาท และไม่มีตราธนาคารกำกับ 7 ล้านบาท จากนั้นได้ทำหนังสือสอบถามไปยังธนาคารว่า ทั้งสองคนนำเงินดอลลาร์สหรัฐไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทไทย จริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ขณะเดียวกัน พันตรีแอนเซอรี่ พนทะรังสี หัวหน้าห้องการตรวจคนเข้าเมืองลาว และร้อยเอกสุวันนี ทำมะวง นักวิชาการ ได้นำหนังสือจากรัฐบาลลาว มาพบนายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย เพื่อขอข้อมูลรายละเอียดทั้งหมด เนื่องจากเป็นประชาชนลาวถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคายควบคุมตัวไว้ โดยจะได้นำข้อมูลกลับไปรายงานให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของ สปป.ลาว ทราบ ทั้งนี้ในหนังสือดังกล่าว ระบุว่าเป็นคำสั่งจากคณะหัวหน้ากรมใหญ่ตำรวจ กระทรวงป้องกันความสงบ สปป.ลาว ลงชื่อโดย พันโทบุนเพ็ง วอละลาด หัวหน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองสะพานมิตรภาพลาว – ไทย แห่งที่ 1 ซึ่งได้ตรวจสอบเงินที่ตรวจยึดไว้ ก่อนที่ทางศุลกากรหนองคายจะได้ให้ข้อมูลรายละเอียด ถึงการจับกุมเป็นระยะเวลาสั้น ๆนายนิมิตร กล่าวว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับทางการลาว อย่างเต็มที่ และอนุญาตให้พบกับผู้ต้องหาได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ลาวไม่ประสงค์จะพบทั้งสองคนแต่อย่างใด ซึ่งข้อมูลเบื้องต้นก็ยังยืนยันว่าชาวลาวทั้งสองคนทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่นครหลวงเวียงจันทน์จริง เมื่อรวบรวมเงินสกุลดอลลาร์ได้ก็นำมาแลกเป็นเงินบาทในไทย เพื่อไว้บริการประชาชนชาวลาว แต่เป็นการลักลอบนำเข้านำออกเงินตราโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งตามสิทธิแล้วสามารถนำเงินออกนอกประเทศ ได้คนละ 450,000 บาทต่อวัน แต่ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรทราบ หากเกินกว่านั้น หรือตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อนทุกครั้ง กรณีนี้เป็นคดีอาญาตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มีอายุความ 15 ปี ค่าปรับคือโทษอาญา.
ມືດໆມົວໆບໍ່ໂປ່ງໃສ. ເຫດໃດທີ່ສົ່ງຕໍາຫຼວດລາວໄປຂໍເບິ່ງຂໍ້ມູນກັບເງິນ ແຕ່ບໍ່ປະສົງພົບ ຫຼືສອບຖາມຫຼືສືບສວນຄູ່ກໍລະນີ. ເຫີ່ໆໆ. ແບບນີ້ມັນມີເບື້ອງໜ້າເບື້ອງຫຼັງແນ່ນອນ. ອາດເປັນເງິນຂອງຜູ້ໃຫຍ່, ສ່່ວນສອງອ້າຍນ້ອງນັ້ນແມ່ນຖືກຮັບຈ້າງຟອກເງິນຫຼືຂົນສົ່ງເງິນຂາມແດນ. ສະນັ້ນສອງອ້າຍນ້ອງຈຶ່ງບໍ່ຂໍສູ້ຄະດີ. ເພາະຢ້ານມັນສາວໄປຫາເຈົ້າຂອງເງິນ. ຫົວໜ້າກົມໃຫຍ່ສັ່ງການໃຫ້ໄປເບິ່ງເງິນໄວໆ
หนองคาย-นายด่านศุลกากรหนองคาย ระบุชัด เงิน 98 ล้านบาทของสองพี่น้องลาว เป็นเงินในธุรกิจแหล่งที่มาไม่ชัดเจนที่ลาว นำมาขายเป็นเงินบาท สองพี่น้องยืนยันขอระงับคดีในชั้นศุลกากร ยอมจ่ายค่าปรับ รับเงินคืน 4 ล้าน ส่วนที่เหลือยกให้เป็นทรัพย์สินแผ่นดินเมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้( 13 ธ.ค.)ที่ด่านศุลกากรหนองคาย นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย เปิดเผยรายละเอียดภายหลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ง. สอบปากคำนายสุบัน เตียสิริ อายุ 30 ปี และนายคำบอน เตียสิริ อายุ 24 ปี สองพี่น้องชาวลาว (แก้ไขนามสกุลจากครั้งแรก เตยสิริ เป็น เตียสิริ เพราะผู้ต้องหาโกหกนามสกุลในช่วงแรก) ที่ซุกซ่อนเงินสดจำนวน 98 ล้านบาทตามซอกต่าง ๆ ทั่วรถยนต์โตโยต้า แลนด์ครุยเซอร์ โดยมีทนายความร่วมรับฟังการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งเป็นการสอบปากคำตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่า ตอนนี้ได้สอบเบื้องต้นครบทั้งศุลกากร ป.ป.ส. และ ป.ป.ง.โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนยังยืนยันว่าเป็นการรับแลกเงิน ซึ่งเป็นเงินของสมาชิกในครอบครัว เป็นเงินของพี่สาวและของตนเอง พร้อมทั้งยอมที่จะยกของกลางเงินสดทั้งหมด 98 ล้านบาทให้เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินซึ่งทางศุลกากรจะส่งเรื่องการขอระงับคดีไปยังกรมศุลกากรเพื่อลงความเห็น โดยสรุปได้ว่าเป็นเงินที่มาจากการทำธุรกรรมสีดำจากประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเงินที่ต้องปิดลับ ซึ่งนำเงินสกุลต่างประเทศมาแลกเป็นเงินไทยกลับไปอย่างปิดลับ เพราะเงินไทยในลาวสามารถใช้ได้ทุกแห่งทุกโอกาส ส่วนเงินดอลลาร์สหรัฐค่อนข้างจะใช้ไม่ได้ แต่เป็นเงินที่มีมูลค่าที่ใช้เพื่อเก็บ ซึ่งต้องสำแดงให้รัฐบาลลาวรู้ หลังจากนี้จะดำเนินการระงับคดีด้วยการส่งเรื่องเข้ากรมศุลกากรให้พิจารณาโดยด่วน ซึ่งตามหลักของการแลกเปลี่ยนเงินมีอัตราโทษที่กำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า หากนำเงินเกิน 450,000 บาท แต่ไม่เกิน 2 ล้านบาท ออกนอกประเทศ อัตราโทษปรับ 20,000 บาท คืนเงินให้ผู้ต้องหาไป 2 ล้านบาทกรณีนี้ก็จะเป็นโทษปรับรวม 40,000 บาท คืนเงินให้ผู้ต้องหาไม่เกิน 4 ล้านบาท หรือประมาณ 3,960,000 บาท ที่เหลือ 94 ล้านบาทต้องยกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ถ้าคณะกรรมการที่กรมศุลกากรเห็นชอบด้วยก็จะมีเงินเข้าหลวง 94 ล้านบาท พร้อมกันนี้จะมีการขอข้อมูลจากทางธนาคารร่วมด้วย การกระทำของทั้งสองคนลาวนี้เป็นการกระทำในลักษณะการนำเงินดอลลาร์มาขาย ไม่ใช่การแลกเงิน ธนาคารก็รับซื้อไว้ด้วยเงินบาทไทย แต่หากเป็นการแลกเปลี่ยนเงินหากเงิน 2 แสนบาท ก็ต้องรายงาน ป.ป.ง.ทราบ บุคคลที่นำเงินมาแลกต้องมีเอกสารยืนยันตัวตนจริงทั้งสองคนมีบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราจริง จึงสามารถเก็บรวบรวมเงินดอลลาร์นำมาแลกเป็นจำนวนมากได้ แต่ยังไม่ได้ชื่อที่ครบถ้วน เชื่อว่าเป็นการเปิดบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินเพื่อบังหน้า เพื่อปิดบังบางอย่าง ลักษณะเหมือนโพยก๊วน ซึ่งเป็นเงินไม่มีที่มาที่ชัดเจน แต่เป็นการกระทำที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนเจ้าหน้าที่ไทยดูแลได้เฉพาะการควบคุมการนำเงินออกนอกประเทศโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจลาวก็มาขอข้อมูล ก็ได้ให้ข้อมูลเบื้องต้นไป และจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากสอบสวนเพิ่มเติมอีกให้ไปด้วยขณะเดียวกันทั้งสองคนยังไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้โดยไม่มีกำหนด จนกว่ากรมศุลกากรจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับคำสั่งระงับคดีของศุลกากรหนองคาย หรือสั่งเป็นอย่างอื่นจึงเป็นที่ยุติของคดี หากกรมศุลกากรรับคดีก็จะมีการเปรียบเทียบปรับที่ด่านศุลกากรหนองคายได้ทันที ส่วนเงินทั้ง 98 ล้านบาท จะนำไปฝากเก็บไว้ที่ธนาคารในวันพรุ่งนี้นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวอีกว่า จากข้อมูลการเข้าออกประเทศของผู้ต้องหาทั้งสองคน พบว่า การนำเงินออกนอกประเทศ น่าจะเป็นลักษณะการเดินทางไปเช้าเย็นกลับทั้งหมด 9 ครั้ง พ.ย.60 จำนวน 5 ครั้ง เดือน ธ.ค.ถึงวันที่ 12 ธ.ค.60 จำนวน 4 ครั้ง รวม 9 ครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่ามีการนำเงินเข้ามาขายแล้วนำเงินบาทกลับไปซึ่งครั้งล่าสุด ผู้ต้องหาทั้งสองคนรับสารภาพว่า นำเงินดอลลาร์เข้ามาขาย จำนวน 8 แสนเหรียญดอลลาร์สหรัฐส่วนครั้งนี้จำนวน 2.8 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉลี่ยแล้วจะนำเงินดอลลาร์มาขายสัปดาห์ละครั้ง จากงานการข่าวและประมวลแล้วแต่ละครั้ง จะนำเงินบาทไทยออกไปไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท ในครั้งล่าสุดคาดว่าจะมีเงินสะสมเยอะจึงนำมาขายมากกว่าทุกครั้งหลังจากนี้ทางด่านศุลกากรหนองคาย จะเข้มงวดรถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากเรื่องยาเสพติดแล้วต้องดูเรื่องเงินเป็นหลักเพิ่มเติมด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก โดยจะขอความร่วมมือกับธนาคาร เพื่อขอข้อมูลหากมีการแลกเปลี่ยนเงินในจำนวนมาก ขอให้แจ้งทางศุลกากรทราบด้วย.
Anonymous wrote: ມືດໆມົວໆບໍ່ໂປ່ງໃສ. ເຫດໃດທີ່ສົ່ງຕໍາຫຼວດລາວໄປຂໍເບິ່ງຂໍ້ມູນກັບເງິນ ແຕ່ບໍ່ປະສົງພົບ ຫຼືສອບຖາມຫຼືສືບສວນຄູ່ກໍລະນີ. ເຫີ່ໆໆ. ແບບນີ້ມັນມີເບື້ອງໜ້າເບື້ອງຫຼັງແນ່ນອນ. ອາດເປັນເງິນຂອງຜູ້ໃຫຍ່, ສ່່ວນສອງອ້າຍນ້ອງນັ້ນແມ່ນຖືກຮັບຈ້າງຟອກເງິນຫຼືຂົນສົ່ງເງິນຂາມແດນ. ສະນັ້ນສອງອ້າຍນ້ອງຈຶ່ງບໍ່ຂໍສູ້ຄະດີ. ເພາະຢ້ານມັນສາວໄປຫາເຈົ້າຂອງເງິນ. ຫົວໜ້າກົມໃຫຍ່ສັ່ງການໃຫ້ໄປເບິ່ງເງິນໄວໆ
ຂ້ອຍຄິດວ່າເປັນເງິນເດັກນ້ອຍ ຈຶ່ງບໍ່ຮູ້ຈັກກົດໝາຍ.
ຢູ່ ສປປ ລາວ ມີບ່ອນລ້າງເງິນເປື້ອນຫລາຍຮ້ອຍແຫ່ງ
ບໍ່ຈຳເປັນຕ້ອງໄປລ້າງຢູ່ໄທ !
ຢູ່ທະນາຄານ ສປປລາວ ເຂົາບໍ່ໃຫ້ປຽ່ນເກີນ 200 ໂດລ້າ ຕໍ່ມື້,
จากกรณีเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจค้นรถโตโยต้าแลนด์ครุยเซอร์ สีทอง ทะเบียนลาว กก 1844 กำแพงนคร ที่บริเวณด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย พบเงินสดถูกซุกซ่อนไว้ทั่วทั้งคันรวม 98 ล้านบาท โดยมีสองพี่น้องชาว สปป.ลาว คือนายสุบัน เตยสิริ อายุ 30 ปี และนายคำบอน เตยสิริ อายุ 24 ปี เป็นผู้ครอบครอง โดยให้การว่า ครอบครัวทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จึงนำเงิน 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มาแลกเป็นเงินบาทไทยที่ธนาคารต่างๆ ในหนองคาย พอเสร็จก็จะขับรถเอาเงินกลับบ้านเกิด แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ มั่นใจเป็นคดีอาชญากรรมทางเศรษฐกิจแน่นอน ก่อนทั้งคู่ยินยอมขอยกเงินสด 98 ล้านบาทให้เป็นทรัพย์สินของประเทศไทย จากนั้นได้ยื่นประกันออกไปนั้น
คืบหน้าเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ศุลกากรหนองคาย ได้นำเงินสด 98 ล้านบาท ซึ่งใส่กล่องพลาสติก 2 กล่อง มายังธนาคารกรุงไทย สาขาหนองคาย เพื่อให้เก็บรักษาเงินทั้งหมดไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สิ้นสุด พร้อมเปิดเผยว่า นายสุบัน และนายคำบอน สองพี่น้องชาวลาว ได้ยอมรับว่ากระทำผิดด้วยการลักลอบนำเงินบาทออกนอกประเทศจริง และยอมทำตามระเบียบข้อบังคับทุกประการด้วยการขอยุติคดีในชั้นศุลกากร ซึ่งในวันนี้จะสรุปสำนวนส่งกรมศุลกากรเพื่อพิจารณาเห็นชอบคำขอยุติคดีในชั้นศุลกากร โดยหลักเกณฑ์ของศุลกากรจะทำการเปรียบเทียบปรับคนละ 20,000 บาท คืนเงินให้คนละ 2 ล้านบาท นั่นคือจะปรับทั้งสองคนเป็นเงิน 40,000 บาท คืนเงินให้เป็นเงิน 4 ล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคณะกรรมการพิจารณาของกรมศุลกากรว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการเห็นตามหลักเกณฑ์นี้ หรือพิจารณาลงโทษยึดเงินทั้งหมดเข้าหลวง ส่วนระยะเวลาการพิจารณาคดียุติ ยังไม่สามารถกำหนดวันพิจารณาคดีสิ้นสุดได้ จึงทำให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่สามารถเดินทางกลับประเทศลาวได้ แต่หากทั้งสองคนลักลอบหลบหนีการประกันตัว ก็จะถูกดำเนินคดีอาญาทั้งในประเทศไทยและในประเทศลาว พร้อมริบเงินของกลางทั้งหมด.
Anonymous wrote:ຢູ່ທະນາຄານ ສປປລາວ ເຂົາບໍ່ໃຫ້ປຽ່ນເກີນ 200 ໂດລ້າ ຕໍ່ມື້,
ຈຳກັດທຸກຢ່າງເນາະ ສປປ ລາວ !