กลุ่มนักเรียนนักศึกษาชาวฮ่องกงหลายหมื่นคน พร้อมใจไม่ไปเรียนในการเปิดเทอมวันแรกวานนี้ (2 ก.ย.) เพื่อร่วมแสดงพลังประท้วงทางการฮ่องกงและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 14 แล้ว
กลุ่มผู้จัดการประท้วงระบุว่า เมื่อวานนี้มีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาราว 1 หมื่นคน จาก 200 โรงเรียนโดดเรียนไปร่วมการชุมนุมประท้วง โดยคาดว่าการนัดหยุดเรียนลักษณะนี้จะกินเวลานาน 2 สัปดาห์
เหตุใดนักเรียนจึงพากันโดดเรียนประท้วง
การประท้วงในฮ่องกงครั้งนี้มีแรงขับเคลื่อนสำคัญจากบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาว ซึ่งหลายฝ่ายคิดว่า การประท้วงอาจเริ่มซาลงเมื่อนักเรียนนักศึกษาต้องกลับไปเรียนหนังสือเมื่อถึงกำหนดเปิดภาคการศึกษาใหม่
ทว่าเมื่อวานนี้ เยาวชนจำนวนมากตัดสินใจไปร่วมชุมนุมกันด้านนอกมหาวิทยาลัยจีนแห่งฮ่องกง (Chinese University of Hong Kong หรือ CUHK)
สหภาพนักศึกษามหาวิทยาลัย CUHK เผยว่า ทางมหาวิทยาลัยได้พยายามขอให้ยกเลิกการชุมนุมประท้วง แต่ทางสหภาพยืนกรานดำเนินการตาม “แผนการ
เดิม”
ส่วนเด็กนักเรียนมัธยมจำนวนมากไปชุมนุมกันที่จัตุรัสเอดินบะระเพลส ย่านใจกลางฮ่องกง
“ฉันยินดีจะรับการลงโทษทางวินัยทุกรูปแบบ” นักเรียนคนหนึ่งเผยกับหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ของฮ่องกง
นักเรียนอีกคนที่ชื่อหว่อง วัย 17 ปี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “ฮ่องกงคือบ้านของเรา… เราคืออนาคตของเมืองนี้และมีหน้าที่ปกปักรักษามัน”
เด็กนักเรียนหลายคนไปร่วมชุมนุมโดยใช้แผ่นสำลีแปะตาเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับกลุ่มผู้ประท้วงในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตาระหว่างปะทะกับตำรวจ
ขณะเดียวกัน ภาพที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียยังเผยให้เด็กนักเรียนจับมือกันเป็นห่วงโซ่มนุษย์ที่ด้านนอกโรงเรียนมัธยมหลายแห่งในฮ่องกง
ความกังวลต่ออนาคตใต้เงาจีน
เฮลิเออร์ เฉิง ผู้สื่อข่าวบีบีซี ที่ติดตามข่าวในฮ่องกง ระบุว่า หนุ่มสาวฮ่องกงเริ่มตระหนักและตื่นตัวเรื่องการเมืองเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยอัตราการลงทะเบียนเลือกตั้งของคนอายุ 18-35 ปี เพิ่มขึ้นจาก 58% ในปี 2000 มาอยู่ที่ 70% ในปี 2016
นี่อาจไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าอนาคตทางการเมืองของฮ่องกงกำลังเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วง
ຊາວໜຸ່ມໃນປະເທດເສຣີມີຫົວຊາດນິຍົມສູງ ແລະ ສາມາດສະແດງອອກແນວຄິດການເມືອງຂອງຕົນ
ສ່ວນຊາວໜຸ່ມລາວ ບໍ່ມີສິດແມ້ແຕ່ຈະຄິດ.