1 มีนาคม 2563 พล.ร.ต.สมพงษ์ ศรอากาศ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง (นรข.) น.อ.ณัฐพงษ์ พรรณรายน์ ผบ.นรข.เขตนครพนม ได้รับรายงานว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติดจาก สปป.ลาว เข้ามาในพื้นที่บ้านบางทรายน้อย ต.บางทรายน้อย อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร จึงสั่งการให้ น.ท.สิทธิศักดิ์ สิทธิกุล หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร พร้อมด้วยกำลังพลสถานีเรือมุกดาหาร ประชุมวางแผนแล้วลงพื้นที่ที่ได้รับแจ้งดังกล่าว
จากนั้นเจ้าหน้าได้ตรวจยึดไอซ์ และยาเคทั้งหมดไปที่ บก.นรข.เขตนครพนม เพื่อแถลงข่าวการจับกุม และตรวจนับให้ละเอียดอีกครั้ง ก่อนส่งพนักงานสอบสวน สภ.หว้านใหญ่ เพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
มีนาคม 2563 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชำนาญ ชำนาญเวช ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 (ผบก.ตม.5) และ พ.ต.อ.ชาญชัย เชาวน์เกษม รอง ผบก.ตม.5 เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี สว.ตม.จว.เพชรบูรณ์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.เพชรบูรณ์ ออกตรวจสอบการกระทำผิดของคนต่างด้าวในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มบุคคลที่มีลักษณะคล้ายคนต่างด้าวสัญชาติลาวได้เข้ามาเช่าห้องพักในเขตพื้นที่ ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อการค้าประเวณี
ต่อมาเวลาประมาณ 17.00 น.วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ร.ต.อ.ศักย์ศรณ์ ชัยธรรมาภรณ์ รอง สว.ตม.จว.เพชรบูรณ์ และ ด.ต.สามารถ ชะดา ผบ.หมู่ ตม.จว.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯได้รับการประสานจาก พ.ต.ต.กฤษฎา พลายละหาร สว.สส.สภ.หล่มสัก ว่ามีข้อมูลกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นหญิงสาว คาดว่าเป็นคนต่างด้าวสัญชาติลาวได้เข้ามาเช่าห้องพักในเขตพื้นที่ ต.น้ำชุน และมีพฤติการณ์การค้าประเวณีให้กับผู้ใช้บริการทั่วไป ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรงกันทั้งของ ตม.และ สภ.หล่มสัก เมื่อได้ข้อมูลที่แน่ชัด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯ ตม.จว.เพชรบูรณ์ และ สภ.หล่มสัก จึงได้วางแผนการจับกุมร่วมกัน โดยตรวจสอบรีสอร์ทแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่หมู่ 13 ต.น้ำชุน
จากการตรวจสอบสามารถจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติลาวในข้อหา “เข้าติดต่อ ชักชวน แนะนำตัว ติดตาม หรือรบเร้าบุคคลตามถนนหรือสาธารณสถาน หรือการกระทำการดังกล่าวในที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณี อันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอายหรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณชน” จำนวน 1 ราย และข้อหา “มั่วสุมในสถานการค้าประเวณีฯ” อีก 6 ราย รวมจับกุมทั้งสิ้นจำนวน 7 ราย พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หล่มสัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบว่า ผู้ถูกจับทั้ง 7 ราย เป็นคนต่างด้าวสัญชาติลาว มีอายุเกินกว่า 18 ปีบริบูรณ์ มีหนังสือเดินทางและได้รับการตรวจอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้เข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อวัตถุประสงค์การท่องเที่ยว หลังจากที่เดินทางเข้าในราชอาณาจักรแล้วได้พากันมาเช่ารีสอร์ท และหาลูกค้าเพื่อการค้าประเวณีโดยคิดค่าบริการในราคา 1,000-2,000 บาทต่อครั้ง
สำหรับการที่ผู้ถูกจับทั้ง 7 รายเดินทางเข้ามาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว แต่มีพฤติการณ์การค้าประเวณี จึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และผิดวัตถุประสงค์ของการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร หลังจากที่คดีสิ้นสุดแล้ว ตม.จว.เพชรบูรณ์ ก็จะทำการเพิกถอนสิทธิ์ในการได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และนำรายชื่อเข้าสู่ระบบการเป็นบุคคลต้องห้าม(BlackList) มิให้เข้ามาในราชอาณาจักรอีกต่อไป
พ.ต.ต.ภูวดล ภูมี สว.ตม.จว.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ที่สั่งการให้ตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศเข้มงวดกวดขันจับกุมคนต่างด้าวที่กระทำความผิดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ และควบคุมคนต่างด้าวในพื้นที่ให้ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และปฏิบัติตามกฎหมายอื่นอย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบูรณาการสนธิกำลังประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากพบคนต่างด้าวผิดกฎหมายหรือการกระทำความผิด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่หมายเลข Call Center ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1178 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดำเนินการติดตามตรวจสอบต่อไป
ສປປ ລາວ ເປັນທາງຜ່ານ ຫລື ເປັນແຫລ່ງຜະລິດ?